More

    BMW XM 50e เอสยูวีลุคมาเฟียขายไทยเริ่ม 6.799 ล้านบาท

    หลังจากที่แนะนำตัวให้รู้จักกับ BMW XM 50 e เอสยูวีทรงสปอร์ตพลังเสียบปลั๊กรุ่นเริ่มต้นทำให้ชาวบีมเมอร์สนใจพร้อมที่จะเป็นเจ้าของ

    BMW

    ล่าสุด BMW ประเทศไทยประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ BMW XM 50e ครั้งนี้มาถึงสองรุ่นย่อยทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่น Shadow Line ที่ยังคงรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ความสะดวกสบายอันหรูหรา และขุมพลังที่เหนือกว่า ตามแบบฉบับซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล XMบ่งบอกถึงความพิเศษตัวตนที่โดดเด่น และสมรรถนะที่ไม่เหมือนใครเช่นเดียวกับรถในตระกูล XM รุ่นก่อนหน้า ด้วยการผสมผสานความเป็นรถยนต์สปอร์ตเอสยูวีอันทันสมัยรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง สัดส่วนไดนามิกที่แข็งแกร่ง

    รูปโฉมหน้ารถที่ได้รับการออกแบบใหม่ในกลุ่มลักชัวรี่เปี่ยมไปด้วยออร่าแห่งความพิเศษและความชัดเจนในตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร การออกแบบในสไตล์ M ยังช่วยเน้นย้ำถึงความดุดันและความมั่นใจของดีไซน์รถยนต์รุ่นนี้ เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าสองชั้น และกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมกรอบไฟส่องสว่างล้อมรอบกระจังหน้าทั้งคู่ แถบสีด้านข้างรถที่ชวนให้นึกถึง BMW M1 ยังช่วยยกระดับดีไซน์ด้านข้างของบอดี้ให้สะกดทุกสายตา นอกจากนั้น ยังรวมเอาองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ชวนให้นึกถึงอดีตอาทิ โลโก้ BMW ที่สลักไว้ที่กระจกหลังและไฟท้าย รวมถึงชิ้นส่วนอื่นๆในสีดำเงาและการตกแต่งรายละเอียดเส้นสายในสีดำดุดันช่วยขับให้บุคลิกของรถรุ่นนี้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น และล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double Spoke แบบสลับสี พร้อมยางหน้า 275/40 R22 และยางหลัง 315/35 R22 ในรุ่นมาตรฐาน และ ล้ออัลลอย M ขนาด 23 นิ้ว ลาย Star Spoke แบบสลับสี พร้อมยางหน้า 275/35 R23 และยางหลัง 315/30 R23 ในรุ่น Shadow Line

    ตัวรถใหญ่กว่า BMW X7 ตั้งแต่ความยาว 5,110 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,005 มิลลิเมตร ความสูง 1,755 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,105 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 220 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,695 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 69 ลิตร

    BMW

    ภายในยังแตกต่างด้วยดีไซน์อันโดดเด่น มอบความสะดวกสบายขั้นสุด ห้องโดยสารตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M และเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ให้ความรู้สึกสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวในการขับขี่ ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมและเมื่อเปิดหลังคาก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่างอย่างงดงามยามค่ำคืน คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ทำให้การตกแต่งภายในสะดุดตาและหรูหราไปอีกขั้น นอกจากนี้ ยังมีชุดไฟตกแต่งภายใน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้าที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน

    ยังได้รับการพัฒนาด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ด้วยหน้าจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ IconicSounds Electric ให้เสียงขับที่กระตุ้นความตื่นเต้นแม้ในโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ

    คุณลักษณะเด่นอีกประการของรถยนต์รุ่นนี้คือ ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาของตนกับรถยนต์แบบไร้สายผ่าน Apple CarPlay หรือ Android Auto นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังจะได้รับประโยชน์จาก Connected Package Professional ช่วยให้มั่นใจว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและข้อมูลการจราจรอัปเดตล่าสุดเมื่ออยู่บนท้องถนน โดยในรุ่นมาตฐานมาพร้อมระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon ในขณะรุ่น Shadow Line มาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond เพื่อส่งมอบสุนทรียะด้านความบันเทิงระดับไฮเอนด์ในระหว่างการขับขี่

    BMW

    มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดอันทรงพลัง พร้อมส่งมอบขุมพลังที่อัดแน่นตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบคันเร่ง ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เทคโนโลยี M TwinPower Turbo และระบบขับเคลื่อน M Hybrid 3.0 ลิตร 6 สูบ รหัส B58B30M1 ให้กำลัง 313 แรงม้า ที่ 5,000–6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,750–4,700 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ BMW eDrive ให้กำลังถึง 197 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 100-5,500 รอบต่อนาที พร้อมความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion 29.5kWh ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ เมื่อทำงานร่วมกันจะได้กำลังถึง 476 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร

    ส่งพลังเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งสู่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 5.1 วินาที และสามารถทำระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าได้สูงสุดที่ 101 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้าอยู่ที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงรองรับการชาร์จช้า 7.4 kW AC 0–100% ผู้ขับขี่สามารถเลือกกดปุ่ม M Hybrid ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าโหมดใดโหมดหนึ่งจากทั้งหมด 3 โหมด ทั้ง HYBRID, ELECTRICโหมดการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 100%และ eCONTROL  คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic

    BMW

    เทคโนโลยี MxDrive ขับเคลื่อนสี่ล้อได้รับการออกแบบมาเพื่อรับประกันการส่งกำลังการขับขี่สู่ท้องถนนอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่แบบไดนามิก นอกจากนี้ ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional ยังให้การควบคุมแบบสปอร์ตโดยไม่กระทบต่อความสบายของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional พร้อมควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Stop&Go ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย และเพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

    BMW BMW

    BMW XM 50e สปอร์ตเอสยูวีสายพันธุ์ M จะสามารถมอบความเร้าใจที่เป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมตัวเลือกเพิ่มเติมกับออปชันเสริมซึ่งสามารถปรับแต่งได้หลากหลายให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าโดยสามารถจองได้ทาง https://shop.bmw.co.th/ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

    มาพร้อมสีภายนอกให้ลูกค้าได้เลือกถึง 6 สีได้แก่ Marina Bay Blue Metallic, Toronto Red Metallic, Isle of Man Green Metallic, Sao Paulo Yellow Solid, Black Sapphire Metallic, และ Mineral White Metallic และสามารถเลือกสีภายในได้ 2 สี ได้แก่ BMW Individual leather ‘Merino’  สีดำ หรือ Sakhir Orange ราคาจำหน่ายรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard ดังนี้

    • BMW XM 50e ราคาจำหน่าย: 6,799,000 บาท
    • BMW XM 50e (Shadow Line) ราคาจำหน่าย: 6,999,000 บาท

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts