หลังจากหลุดข้อมูลรถใหม่ค่าย BYD เตรียมเปิดตัวที่จีนตลอดปีนี้มีมากมายและหนึ่งรุ่นที่เป็นความหวังใหม่นั่นคือ BYD Dolphin Honor Edition
BYD Dolphin Honor Edition รุ่นพิเศษใหม่ว่ากันว่าปรับภาพรวมของรถให้ใกล้เคียงกับรถเวอร์ชันส่งออกไปทำตลาดที่ยุโรป นำรุ่นที่แล้ว Champion Edition อัปเกรดใหม่เริ่มที่ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด16 นิ้ว พร้อมยาง 195/60 R16 และขนาดใหญ่ 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/50 R17 ติดตั้งกระจกแบบ privacy glass สำหรับประตูคู่หลัง ภายใต้แนวคิด X Dream Concept
พร้อมออปชันเดิมด้วยหน้าตาทันสมัยด้วยสีทูโทน ไฟหน้า LED พร้อมไฟ Daytime แบบ LED กับกระจังหน้าทรงทึบติดตราตัวอักษร BYD ที่จับประตูดีไซน์ยกก้าน กระจกมองข้างมทรงสปูนปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อม Heated Mirror หลังคาแบบ Panoramic Roof ไฟท้าย LED ตัวรถสร้างขึ้นจากแพลตฟอร์ม BYD e-platform 3.0 กับมิติตัวรถตั้งแต่ ความยาว 4,125 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,770 มิลลิเมตร ความสูง 1,570 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,780-1,825 กิโลกรัม
ภายในเพิ่มออปชันด้วยที่เสียบชาร์จ USB Type-C และที่ชาร์จไร้สายความเร็ว 50 W เบาะนั่งทรงสปอร์ตคู่หน้าเพิ่มระบบระบายอากาศ พร้อมการตกแต่งสีสันพิเศษเช่น ชุดแต่งบนแผงคอนโซลหน้าที่ช่องแอร์ซ้าย-ขวา มีระบบโต้ตอบด้วยเสียงอัจฉริยะ สตาร์ทรถอัจฉริยะ กว้างสบายแบบ 5 ที่นั่ง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และคนนั่งปรับธรรมดาแบบสี่ทิศทาง เบาะหลังสามารถพับได้ในอัตราส่วน 40:60 เพิ่มปริมาตรได้สูงสุดถึง 1,310 ลิตรและมีพื้นที่ด้านหลังอีก อีก 345 ลิตร พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน มือจับเปิดประตูออกแบบคล้ายครีบของโลมา จอในส่วนของอุปกรณ์ Infotainment ใหญ่เต็มตาด้วยขนาด 12.8 นิ้ว และมาตรวัดดิจิทัล 5.0 นิ้ว
ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ permanent magnet synchronous motor ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 44.9 kWh แรงสุด 177 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 420 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 3 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ว่ารุ่นพิเศษจะอัปเกรดแบตเตอรี่ลิเธียมไออนเพิ่มเป็น 60 kWh และเพิ่มระยะทางการชาร์จต่อครั้งมากขึ้นเป็น 520 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC
การชาร์จผ่านไฟ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW 0-100% ภายใน 7.5 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จผ่านไฟ DC รองรับการชาร์จสูงสุด 60 kW ในรูปแบบ Fast Charging ชาร์จจาก 30-80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที พร้อมปรับช่วงล่างอิสระสี่ล้อใหม่เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้นขับเคลื่อนโดย
มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) และความปลอดภัยครบครัน ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง ได้แก่ ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and go ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW) ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS) ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW) ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB) ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP) ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA) ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ถุงลมนิรภัย 6 จุด ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา เบื่องต้น เตรียมเปิดตัวที่จีนในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ กับค่าตัวต่ำกว่ารุ่นเดิมที่ทำให้แฟนๆสนใจเป็นทวีคูณ
ที่มา AUTOHOME