More

    Ford Ranger Wildtrak X 2024 การกลับมาของกระบะลุยแต่งเข้ม

    กลับมาอึกครั้งกับกระบะที่เหนือกว่าขั้นกว่ารุ่น Wildtrak แต่ไม่ใช่รุ่น Platinum หรือ Stormtrak แต่เป็น Ford Ranger Wildtrak X นั่นเอง

    Ford

    ครั้งนี้เหมือนเช่นเคยกับการนำ Ford Ranger Wlidtrak อัปเกรดความโหดซึ่งรุ่นนี้เคยได้รับความนิยมจากเจเนอเรชันที่แล้วจนมาถึงเจเนอเรชันT6.3 สนองคสาวกขาดุที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มกับการอัปเกรดตัวรถเรีกยว่าทำให้เสร็จสรรพจากโรงงานเลยทีเดียว ตั้งแต่ ราวหลังคาดีไซน์ขนาดใหญ่และสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) ให้ผู้ขับขี่ปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ด้วยเลื่อนจุดล็อกได้ 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียวรองรับการติดตั้งหรือขนย้ายอุปกรณ์

    ล้ออัลลอยลายเข้มขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง AT จาก General Grabber AT3 All-Terrain ขนาด 265/70 R17 กับ ตัวอักษร Wildtrak ติดตั้งบนขอบฝากระโปรง กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบสีดำเงา ติดไฟ AUX Lamp (ทำงานเมื่อเปิดไฟสูง) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้ดีขึ้นในทุกสภาพอากาศ และเพิ่มความปลอดภัยในการขับเวลากลางคืนในชุดกระจังหน้า แผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่องใหม่ คิ้วช่องระบายอากาศสีส้มใต้กันชนหน้า บันไดข้างอะลูมีเนียมสีดำดีไซน์ใหม่

    นอกนั้นคงเดิมทั้งไฟหน้า Matrix LED บันไดเหยียบข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง ไฟท้าย LED แนวตั้งสวยงาม ยังมีช่องจ่ายไฟในกระบะท้ายที่มาพร้อมช่องต่อไฟแบบ AC รองรับกำลังไฟถึง 400 วัตต์ ให้คุณใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง หม้อหุงข้าว หรือเตาอบขนาดเล็กได้ง่ายๆ เพียงเสียบปลั๊กกับตัวรถ

    Ford

    ภายในมีดีเทลเล็กน้อยด้วยสัญลักษณ์ Wildtrak X บริเวณฝาเปิดบนชุดคอนโซลหน้าแบบหุ้มหนังกลับ Terra suede เดินด้ายส้ม Cyber Orange เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ผสมหนังกลับ Miko suede เดินด้ายส้ม อัปเกรดลำโพงมาใช้แบรนด์ Bang & Oulfsen ให้ถึง 10 จุด

    พร้อมออปชันเดิมจากรุ่น Wildtrak ทั้ง หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® Android Auto™ สามารถเชื่อมต่อบลูทูธ พร้อมระบบ FordPass ช่องต่อ USB 4 จุด กับมาตรวัดดิจิทัลแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว ช่องต่อไฟ 12V พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W) เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ auto hold และครั้งแรกกับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter หุ้มหนัง

    เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้าได้ถึง 8 ทิศทาง แท่นชาร์จไร้สาย กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวาและปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB

    Ford

    ขุมพลังคงเดิมด้วยดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร YN2Q 210 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที แต่รุ่นใหม่นี้เป็นรุ่นแรกที่ต้องอิงกฎหมายการควบคุมมลพิษหรือ EURO 6 จึงต้องปรับกำลังลงเหลือ 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร และเติมสาร AD Blue เข้าไป ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter 10R80 พร้อมดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้ากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full Time 4A

    ช่วงล่างอัปเกรดใหม่ตอบโจทย์ความโหดเต็มคาราเบลจากโช้คอัพ Bilstein Position-Sensitive แบบโมโนทิวบ์ พร้อมเทคโนโลยี End Stop Control Valve (ESCV) รองรับการบรรทุกและการโดยสารที่แน่นจิกทุกโค้ง รวมถึงการเปลี่ยนมาใช้ยาง AT ขนาด 265/70 ขยายพื้นที่ด้านหน้าและหลังรถกว้างขึ้น 30 มม. และความสูงจากใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 26 มม.เมื่อเทียบกับรุ่น Wildtrak เดิมแต่ยังคงความเด่นในการลากจูงได้สูงสุด 3,500 กก.

    ผสานกับโหมดการขับขี่แบบ Terrain Management System เลือกได้ถึง 6 โหมดทั้งโหมด Normal, โหมดประหยัด Eco, โหมดลากจูงและบรรทุก Tow/Haul, โหมดทางลื่น Slippery, โหมดทราย Sand, โหมดโคลน Mud/Ruts แล้วยังเพิ่มโหมดหิน Rock Crawl รวม 7 โหมด

    ระบบช่วยให้การเลี้ยวบนทางแคบได้ดีขึ้นในทางโหดหรือ Trail Turn Assist ควบคุมกำลังแรงบิดของล้อ แรงฉุด เบรกและเร่งความเร็วเพื่อให้จำกัดความเร็วได้ต้องการเสริมการขับทางโหดได้ดี ระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติแบบ Stop&Go ยังเพิ่มฟังก์ชันล็อกความเร็วในเส้นทางออฟโรดมาให้โดยสามารถปรับตั้งความเร็วสูงสุด 32 กม./ชม.

    Ford

    Ford Ranger Wildtrak X มาพร้อมสีส้ม Cyber ​​Orange สีโปรโมทและสีอื่นๆทั้งสี สีขาว Arctic White, สีเทา Meteor Grey, สีดำ Shadow Black และ สีบอรนซ์เงิน ALUMINIUM ขายจริงที่ออสเตรเลียช่วงครึ่งปีหลังนี้ ในราคา AU$75,990 เป็นราคาก่อนมีค่า on-road ของออสเตรเลีย หรือราว 1,729,000 บาท

    ที่มา Carexpert

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts