ในที่สุด เกีย ใช้เวทีงาน Bangkok Motor Show 2024 เปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการกับ KIA EV5 ด้วยค่าตัวถูกกว่ารุ่นพี่ KIA EV9
KIA EV5 รถใหม่ลำดับที่สามของตระกูล EV ต่อจากรุ่น EV6 และ EV9 ประเดิมขายจีนตั้งแต่ปี 2023 ถอดแบบมาจากต้นแบบผสมกับความเป็นรุ่นพี่ EV9 ในร่างคอมแพ็คเอสยูวี ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์แบบหน้าเสือ หรือ digital tiger face ทรงทึบรับกับคิ้วขอบกระจังหน้าในรูปแบบแถบไฟ LED รูปตัวแอล พร้อมไฟหน้า LED 3 จุดซ่อนอยู่ข้างใน พาดยาวใต้โลโก้ KIA กับไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED รับกับกันชนหน้าดีไซน์เล่นระดับติดตั้งคิ้วใต้กันชนหน้า
กระจกมองข้างทรงปกติ พร้อมไฟเลี้ยว LED ราวหลังคาเนียนเรียบกับหลังคารถ เสา A ไปจนถึงเสา C ตกแต่งด้วยสีดำและเสา D ขนาดใหญ่ทาด้วยสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้าย LED แนวยาวเรียวทรงรูปตัวซี กันชนหลังลงตัวเสริมคิ้วสีเงินออกแนวบึกบึน สปอยเลอร์บนกระจกหลังดีไซน์ดุดัน เสาอากาศครีบฉลาม ราวหลังคา
ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า กับ ซันรูฟ แบบ Panoramic บริเวณด้านหน้าและด้านหลังยกเว้นรุ่น Light ในรุ่น Earth Long Range และ Earth Exclusive AWD มาพร้อมซุ้มล้อและคิ้วชายล่างประตูตกแต่งสีดำเงา ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนแบบ Flush type ทำงานอัตโนมัติและล้ออัลลอย 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55R19 ในรุ่น Light และรุ่น AIR มาพร้อมซุ้มล้อและคิ้วชายล่างประตูตกแต่งสีดำด้าน ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนแบบ Flush type ทำงานแบบธรรมดา และล้ออัลลอยขนาดใหญ่เลือกได้ตั้งแต่ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/60 R18
ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน Electric Global Modular Platform (E-GMP) เป็นแพลตฟอร์มพัฒนาร่วมกับเพื่อนร่วมชายคาเดียวกันทั้ง Hyundai IONIQ 5 Hyundai IONIQ 6 Genesis GV60 และ KIA EV9 ตั้งแต่ความยาว 4,615 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความสูง 1,715 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 166 กับ 175 มิลลิเมตร และน้ำหนักรถ 1,870-2,130 กิโลกรัม
ภายในคอนโซลหน้าดีไซน์แนวนอนพร้อมจอคู่ขนาดใหญ่แบบลอยตัวที่มีทั้งมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้วและจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ไร้สาย อัปเดทซอฟต์แวร์แบบ OTA พร้อม Kia Connect ระบบนำทางและตรวจสอบสถานะรถ เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมแอร์หลัง มีระบบอุ่นเบาและยังสามารถสั่งสตาร์ทรถในระยะไกลได้ Remote Smart Parking
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ 2 โซนพร้อมช่องระบบปรับอากาศสําหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 จอแสดงผลสำหรับระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารขนาด 5 นิ้ว ที่ให้ข้อมูลและเนื้อหาที่ครอบคลุมแก่ผู้ขับขี่เพื่อสร้างประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟที่เหนือชั้น ด้วยเมนูคำสั่งที่ไม่ซับซ้อน ช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ที่เกี่ยวกับ EV ได้ง่ายยิ่งขึ้น
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสี่ก้าน พร้อมปุ่มการใช้งานที่ง่ายๆ เบรกมือไฟฟ้าพร้อมปุ่ม Auto Hold มาพร้อมมาพร้อมแผงปิดสัมภาระอเนกประสงค์ที่สามารถปรับตั้งให้กลายเป็นโต๊ะทานข้าวสำหรับการรับประทานอาหารของสมาชิกในครอบครัวได้ทั้งแบบในรถและแบบเอาท์ดอร์ สบายแบบสองตอนห้าที่นั่ง เบาะนั่งตอนที่ 2 นั่งสบายพับได้แบบ 60/40 พร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายจุของได้จุใจมีช่องเก็บของใต้พื้นตัวรถ
ออปชันเฉพาะรุ่นตั้งแต่ ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) ยกเว้นรุ่น Light ลําโพง 6 จุด ทุกรุ่น เบาะนั่งหุ้มหนังวสังเคราะห์ BIO PU และหุ้มผ้า พร้อมฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า ในรุ่น Light และรุ่น AIR ไฟเรืองแสง Ambient Light ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ BIO PU คู่หน้าปรับไฟฟ้า ให้ในรุ่น Earth Long Range และ Earth Exclusive AWD
รุ่น Earth Exclusive AWD มาพร้อมลำโพง Harman Kardon™ รอบคัน 10 จุด กับ ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (HUD) ไฟเรืองแสง Ambient Light 64 สีเบาะนั่งผู้ขับแบบ Relaxation ปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันนวดหลังและจดจำตำแหน่งผู้ขับ ระบายอากาศ และทําความอุ่นเบาะนั่งคู่หน้า โต๊ะอเนกประสงค์แบบพับได้บริเวณหลังเบาะผู้โดยสารและลิ้นชักอเนกประสงค์พร้อมฟังก์ชันปรับอุณหภูมิ 5-55 องศาเซลเซียส
ขุมพลังไฟฟ้ามาพร้อมสองทางเลือกสามความแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ให้ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มที่รุ่น Light และรุ่น AIR มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยความจุแบตเตอรี่ 64.2 kWh ให้กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 490 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที
ชาร์จมีทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 102 kW ชาร์จเร็ว 10-80% ภายใน 36 นาที ส่วนการชาร์จกระแสสลับ AC ชาร์จช้า รองรับกำลังไฟในการชาร์จ 7 kW 10-100% ภายใน 9.43 ชั่วโมง โดยหัวชาร์จแบบ CCS Type 2 และ AC แบบ Type 2
รุ่น Earth Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยความจุแบตเตอรี่ 88.1 kWh ให้กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 665 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.9 วินาที
รุ่น Earth Exclusive AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังมากสุด 308 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 620 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC จากความจุแบตเตอรี่ 88.1 kWh อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.1 วินาที
ในรุ่น Earth ทั้งสองรุ่น ชาร์จมีทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 141 kW ชาร์จเร็ว 10-80% ภายใน 38 นาที ส่วนการชาร์จกระแสสลับ AC ชาร์จช้า รองรับกำลังไฟในการชาร์จ 7 kW 10-100% ภายใน 8.10 ชั่วโมง โดยหัวชาร์จแบบ CCS Type 2 และ AC แบบ Type 2
สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้หลากหลายทั้งแบบ Normal Mode / ECO Mode / Sport Mode และ Smart Mode ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและความสปอร์ตในการขับขี่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 1 speed Reduction Gear พร้อมระบบ i-Pedal – One Pedal Driving Function ยังชาร์จ V2L สามารถต่อกระแสไฟ จากรถยนต์ไปพ่วงใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆได้
ความปลอดภัยมีครบครันทั้ง ระบบเบรก ABS+EBD พร้อมระบบ Multi-Collision Brake (MCB), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC), เซ็นเซอร์ช่วยเหลือการเข้าจอดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร (LFA และ LKA) ระบบป้องกันการชนด้านหน้า (FCAA) พร้อม Junction Assist แจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู่ด้านหลัง (Rear Seat Alert)
ออปชันให้ทุกรุ่นยกเว้นรุ่น Light มีทั้ง ระบบแสดงภาพรอบทิศทาง Surround View Monitor (SVM) เซนเซอร์ช่วยเหลือการเข้าจอดด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง (Parking Distance Warning Front, Side and Rear) สวิตช์ควบคุมเด็กเปิดประตูหลังแบบไฟฟ้า
และเทคโนโลยีความปลอดภัย DRIVE WiSE เพิ่มเติม ทั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ซึ่งทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ Smart Cruise Control with Stop & Go ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร (Lane Following Assist และ Lane Keeping Assist) ป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับรถยนต์ คน และจักรยาน พร้อม Junction Assist (Forward Collision Avoidance Assist)
ออปชันให้ทุกรุ่นยกเว้นรุ่น Light ทั้งระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Collision Avoidance Assist) แสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ Blind-Spot View Monitor (BVM) ช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยขณะลงจากรถ (Safe Exit Assist) แจ้งเตือนและหลีกลี่ยงการชนขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Collision Avoidance (RCCA)
รุ่นใหม่นี้ประกอบที่เมืองเหยียนเฉิง ประเทศจีน ผู้ที่สั่งจองภายในวันที่ 30 เมษายน จะได้รับการรับประกันคุณภาพนานถึง 7 ปีเต็ม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ 8 ปี
กำหนดการส่งมอบรถยนต์ KIA EV5 รุ่น Light, Air และ Earth Long Range ในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป และสำหรับ The Kia EV5 Earth Exclusive AWD คาดว่าจะสามารถทำการส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงเดือนสิงหาคม เป็นต้นไปมีทั้งหมดห้าสีทั้งสีขาวมุก Snow White Pearl สีดำ Starry Night Black สีเทา Shale Grey สีเขียว Iceberg Green** สีน้ำเงินFrost Blue** พร้อมราคาดังนี้
- รุ่น Light ราคา 1,249,000 บาท
- รุ่น Air ราคา 1,349,000 บาท
- รุ่น Earth Long Range ราคา 1,549,000 บาท
- รุ่น Earth Exclusive AWD ราคา 1,749,000 บาท
**เฉพาะรุ่น Air, Earth Long Range, Earth Exclusive AWD