อุตสาหกรรมเก๋งใหญ่ D-Car ในญี่ปุ่นถึงคราวต้องปิดฉากไปอีกยี่ห้อหลัง Toyota Camry ตัดสินใจหยุดผลิตตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้วครั้งนี้ถึงคิว Mazda 6
โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา Mazda Corporation ประกาศยุติการขาย Mazda 6 สิ้นเดือนเมษายน 2024 ทั้งในเวอร์ชันซีดานและเอสเตทและจำหน่ายจนกว่าจะหมด การยุติการขายครั้งนี้เฉพาะญี่ปุ่นหลังจากที่สหรัฐอเมริกาและรัสเซียยุติขายไปก่อนหน้านี้ สำหรับเก๋งใหญ่เรือธงของค่ายอย่าง Mazda 6ถือกำเนิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2002 รับช่วงต่อจาก Mazda 626 (Capella) โดยรุ่น 626 ออกมาแล้วหกเจเนอเรชัน และ Mazda 6 ออกมาแล้วสามเจเนอเรชัน นาย Kazuyoshi Todo เจ้าหน้าที่บริหารที่รับผิดชอบการขายในประเทศกล่าวว่า Mazda 6 ทั้งสามเจนได้รับตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวญี่ปุ่นมาตลอด 12 ปีมียอดขายสะสม 226,437 คัน และ Mazda CX-Series จะมารับช่วงต่อและมีความเป็นไปได้ว่า Mazda CX-80 จะขายแทน
Mazda 6 เจเนอเรชันที่สามทั้งรหัส GJ ซีดานและ GL เอสเตททำตลาดมาตั้งแต่ปี 2012 ปรับโฉมมาแล้วสามรอบล่าสุดเมื่อปี 2018 กับรุ่นพิเศษ 20th Anniversary Edition อัปเกรดความพิเศษด้วยกระจังหน้าทรงวิกเนเจอร์วิงดีไซน์โครเมียมสีเงินทั้งชิ้น ล้ออัลลอยสีเงินเงาวาวพิเศษขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/45R19 จาก Bridgestone TURANZA T005A พร้อมตราสัญลักษณ์ 20 ปี ติดตรงบังโคลนหน้าซ้าย-ขวา ส่วนภายในหุ้มด้วยชุดเบาะนั่งกึ่งหนังแท้หนังสัมผัสสีแทน บริเวณเบาะนั่งรวมถึงแผงประตูแผงคอนโซลหน้า รวมถึงพนักพิงศีรษะคู่หน้ามีตราสัญลักษณ์ 20 ปีไว้
และรุ่นปกติหรูด้วยกระจังหน้าซิกเนเจอร์วิงแนวตาข่าย ไฟหน้า Projector LED ขนาดใหญ่กว่าปราดเปรียวขึ้นพร้อมไฟ LED daytime สอดรับกับกันชนหน้าพร้อมคิ้วโครเมียมซ้าย-ขวา ล้ออัลลอยมีขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R17 และขนาด 19 นิ้ว ด้านหลังมาพร้อมไฟ LED ทรงสปอร์ต พร้อมคิ้วโครเมียม และท่อไอเสียเดี่ยว 2 ฝั่ง ภายในเน้นความเรียบง่ายและภูมิฐานแบบเดียวกับรถยุโรปด้วยแผงคอนโซลหน้าสีดำหุ้มหนังสัมผัส เบาะนั่งหุ้มวัสดุหนัง Nappa leather สีขาวและสีดำเข้ม, Ultra Suede และลายไม้
เชื่อมการสื่อสารครบวงจร ผ่านจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว Mazda Connect รองรับ Apple Car Play ไร้สาย Android Auto ลำโพงคุณภาพจาก BOSE พร้อมมาตรวัดกับจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว จอแสดงผลเหนือคอนโซล Head-up Display ตั้งวัสดุเก็บเสียงให้หนาขึ้นเพิ่มความสุนทรีย์ในการเดินทาง แถมยังเพิ่มที่ชาร์จไร้สาย (Qi)
ขุมพลัง SKYACTIV ทั้งเบนซินและดีเซลเริ่มที่เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร รหัส PE-VPR 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 199 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที กับขนาด 2.5 ลิตร รหัส PY-PRP 192 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 252 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที และดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D รหัส SH-VPTR 2.2 ลิตร เพิ่มกำลังเป็น 200 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
บางประเทศมีจำหน่ายทั้งเบนซิน SKYACTIV-G ทั้ง 2.0 2.5 ลิตร และเบนซินเทอร์โบ SKYACTIV-G Turbo 2.5 ลิตร รหัส PY-VPTS โดยให้กำลังสูงสุด 235 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ทุกขนาดเครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD และโหมดการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive)
พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control PLUS (GVC-PLUS) ช่วยให้ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังลงล้อทำให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่น กล้องรอบคัน 360 องศา และความปลอดภัย i-Activsense เต็มคันไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า Mazda Radar Cruise Control (MRCC) เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ Smart Brake Support (SBS) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind Spot Monitor (BSM) ช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Advanced Smart City Brake Support (ASCBS)
ช่วยหยุดรถอัตโนมัติ จากการชนปะทะด้านหลัง Smart City Brake Support-Reverse (SCBS-R) เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน Lane Departure Warning System (LDWS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane-keep Assist System (LAS) ช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA) และตรวจจับสัญญาณจราจรTraffic Sign Recognition (TSR) เพิ่มระบบช่วยควบคุมความเร็ว และพวงมาลัย เพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสม Cruising & Traffic Support (CTS) ช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ เช่น รถติดและการขับขี่ที่ยาวนาน
ที่มา Carwatch
