More

    เปิดโผรถใหม่….เตรียมขายไทยตลอดปี 2024

    ตลาดรถยนต์เมืองไทยช่วงปี 2023 ดูท่าทางไม่สดใสเหมือนปี 2022 เพราะเจอมรสุมหลายลูกถาโถมเข้าใส่ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ

    BMWหลัง COVID-19 ทุเลาลงจนกลับมาเปิดประเทศได้ พร้อมปัญหาในประเทศทั้ง ปัญหาเงินเฟ้อ ราคาพืชผลการเกษตร งานจากภาครัฐ การมาของรถยนต์ไฟฟ้าจนค่ายรถสันดาปสะเทือน สงครามลดแลกแจกแถม ความเข้มงวดของเหล่าสถานบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อยากขึ้นเพราะหนี้ครัวเรือนสูง รวมถึงปัจจัยภายนอกทั้งสงคราม ราคาน้ำมัน และเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน เป็นอุปสรรคทำให้ยอดขายรถเมืองไทยสะสม 11 เดือนของปี 2023 ลดลงไป 7.7% รวมทั้งสิ้น 707,454 คัน ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 266,365 คัน เพิ่มขึ้น 10.8% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 441,089 คัน ลดลง 16.2% รถปิกอัพ 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ 301,001 คัน ลดลง 26.9% (รวมรถยนต์พีพีวี 55,806 คัน ลดลง 5.0%)

    ส่วนเดือนพฤศจิกายน ลดลง 9.8% รวมทั้งสิ้น  61,621 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 4.51% ยอดขายรถยนต์นั่งเติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 24,567 คัน เติบโต 21.2% ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สวนทางด้วยยอดขาย 37,054 คัน ลดลง 22.8% ตลาดรถปิกอัพยังไม่ฟื้นตัวด้วยยอดขาย 22,104 คัน ลดลง 39.1%

    เรียกว่าตกเกือบทุกแผงยกเว้นกลุ่มรถยนต์นั่งที่ได้อานิสงส์จาก Eco Car เช้ามาช่วยชีวิตไว้ถึงแม้กลุ่มรถปิกอัพร่วงและจับตายอดขายเดือนธันวาคมอีก 147,546 คัน ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 50,535 คัน และ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 97,011 คัน จะสามารถทำได้ตามเป้าจนครบปีอยู่ที่ 855,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา” ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 316,900 คัน เพิ่มขึ้น +19.6 % รถเพื่อการพาณิชย์ 538,100 คัน ลดลง -7.9 % และอานิสงส์ยอดจองของงาน Motor Expo 2023 ทั้งหมด 60,621 คัน รวมยอดจองของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 41.74 % แยกในส่วนของยอดจองรถยนต์นั้นอยู่ที่ 53,248 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 45.2 % และรถจักรยานยนต์ 7,373 คัน จะดันให้ทั้งปีทำตามเป้าหรือไม่

    สำหรับปี 2024 หรือปีมังกร เป็นปีที่ท้าทายกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง ค่ายรถยนต์สั่งลุยส่งรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบทังรถยนต์สันดาป รถยนต์ลูกผสม และรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเริ่มแนะนำรุ่นประกอบในประเทศตามนโยบายภาครัฐ EV 3.5 จะช่วยผลักดันให้ยอดขายรุ่งโรจน์ฟื้นจากความซบเซาเมื่อปีกระต่าย เพื่อตอบทุกความต้องการทาง Car2Day จึงรวบรวมและคาดการณ์กับรถยนต์ที่จะเปิดตัวในปี 2024 เริ่มด้วย

    AION : AION Y Plus 550 Ultra x HYPER GT x HYPER SSR x AION ES CKD

    AIONหลังทำตลาดในไทย จนมีเสียงค่อนขอดในเรื่องที่รับไม่ได้จนแก้แกมด้วยปรับลดราคาถึงสองครั้งและล่าสุกับราคาใหม่ของ AION Y Plus 490 Premium ในราคาใหม่ 995,900 บาท ต้อนรับปีใหม่และปีนี้จะนำรุ่นท็อปสุดอย่าง 550 Ultra ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Ternary Lithium ความจุแบตเตอรี่ 68.3 kWh วิ่งไกลสุด 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนี่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC มีโหมด​ Sport, Normal, ECO ด้านการชาร์จแบบกระแสตรง​ DC​ รองรับการชาร์จ​ 80​ kW​ 10-80% ภายใน​ 45​ นาที​ และชาร์จ​กระแสสลับ​ AC​ รองรับ​ 7kw  0-100% ภายใน​ 8-9​ ชั่วโมง ในราคา 1,299,900 บาท

    AIONพร้อมนำรุ่นอื่นๆมาเปิดตัวกับ HYPER GT เก๋งไฟฟ้าประตูปีกนก ร้างจากพื้นฐาน AEP3.0 EV-dedicated architecture ขุมพลังเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังที่สามารถชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC และกระแสสลับ AC มีทั้งหมดสามรุ่นย่อยเริ่มที่รุ่นเริ่มต้นใช้ขนาดแบตเตอรี่ 60 kWh แบบ NMC ให้กำลังสูงถึง 245 แรงม้า แรงบิด 355 นิวตันเมตร เห็นได้ชัดว่าเพียงพอที่จะขับเคลื่อนในอัตราเร่ง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 5.6 วินาทีและสามารถเดินทางได้ 560 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 500  กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC

    ขยับมาอีกรุ่นที่ใช้ขนาดแบตเตอรี่ 70 kWh แบบ NMC ให้กำลังสูงถึง 245 แรงม้า แรงบิด 355 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 5.6 วินาทีและสามารถเดินทางได้ 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC และรุ่นท็อปสุดใช้ขนาดแบตเตอรี่ 80 kWh แบบ NMC ให้กำลังสูงถึง 339 แรงม้า แรงบิด 434 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 4.9  วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเดินทางได้ 710 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 640 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC

    HYPERและการส่งมอบหลังเปิดตัวช่วงปีกลายกับ HYPER SSR ซูเปอร์คาร์เด่นด้วยประตูปีกนกผสมผสานด้านงานดีไซน์จากรถดังแดนปลาดิบอย่าง Honda NSX เจเนอเรชันที่ 2 กับ Tesla Roadster ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลัง 1,224 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 12,000 นิวตันเมตร ในรุ่นเริ่มต้นสามารถทำอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 2.3 วินาที ในขณะที่อีกสองรุ่นสามารถทำได้ภายใน 1.9 วินาทีชุดแบตเตอรี่นิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ (NMC) ขนาด 74.69 kWh ซึ่งวิ่งได้ระยะทาง 505 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC

    AIONและรุ่นประกอบไทยของค่ายอาจเป็นไปได้ว่าคือ AION ES เก๋งไฟฟ้าตอบโจทย์หลายกลุ่มรวมถึงกลุ่มแท็กซี่ ด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถวิ่งได้ไกลหลังจากชาร์จเต็มในระยะทางสูงสุด 442 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จไฟกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จไฟ 0-100% ภายใน 6 ชั่วโมง และชาร์จไฟกระแสตรง DC รองรับสูงสุด 75 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 0-80% ภายใน 40 นาทีโดยโรงงานใหม่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ EEC จังหวัดระยอง ด้วยยอดการลงทุนกว่า 2,300 ล้านบาท มีกำลังการผลิตสูงถึง 50,000 คันต่อปี ซึ่งโรงงานจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

    BMW : BMW 5 Series, BMW iX1 x X1 Diesel, BMW X2BMWปีนี้ค่ายรถจากเมืองมิวนิกขยันเปิดตัวรุ่นใหม่กันหลายรุ่น ปีนี้มาจริงกับ BMW 5 Series เจนที่ 8 ใหม่หมดโดดเด่นที่ที่เปิดประตูที่หวนกลับมาใช้แบบยกก้านแทนดึงก้านคล้าย BMW X1 และเสา C ติดตรารูปเลข 5 เพื่อบอกว่าคันนี้คือ 5 Series โดยถ้ามาไทยมีด้วยกันหลายทางเลือกจากพื้นฐานเครื่องสันดาปในรุ่น 530e ให้กำลัง 299 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ส่วน 520d พ่วง Mild Hybrid 208 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 425 นิวตันเมตร และลุ้นอยากให้มีรุ่น 540i xDrive กับเบนซินเทอร์โบใหญ่สุด 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงถึง 381 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันเมตร ในแบบ Mild Hybrid มาด้วย

    อีกรุ่นที่อยากให้มาไทยกับ BMW iX1 เอสยูวีไฟฟ้าพื้นฐาน BMW X1 ติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบ eDrive technology เจนที่ 5 ด้วยความจุแบตเตอรี่ 64.7 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ให้กำลังมากสุด 313 แรงม้าที่ 4,300-15,200 รอบ/นาที แรงบิด 494 นิวตันเมตรที่ 0-4,300 รอบต่อนาที วิ่งไกลสุด 413-438 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP ให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 5.43-5.78 กิโลเมตรต่อ kWh อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    การชาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11kW 0-100% ได้ 6.30 ชั่วโมง และสามารถเลือกชาร์จสูงอีก 22 kW 0-100% ได้ 3.45 ชั่วโมง ด้านชาร์จเร็ว DC สูงสุด 130 kW ถ้าชาร์จ 10 นาที เพิ่มระยะทางการวิ่งไกลอีก 120 กิโลเมตรและชาร์จเร็วนี้จาก 10-80% ทำได้ 29 นาที ในรุ่น iX1 xDrive30 ขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive

    และ BMW X1 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ Mild Hybrid 4 สูบ 2.0 ลิตร รหัส B47C20A  190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ Steptronic อัตโนมัติ 8 สปีด ในรุ่น sDrive20d ขับเคลื่อนล้อหน้าเข้ามาเสริมทัพจากเดิมจะมีทั้งรุ่นเบนซินล้วนและ Plug In Hybrid

    BMW

    BMW X2 เจนที่สองในรหัส U10 นำพื้นฐานของ BMW X1 รหัส U11 ใส่ขุมพลังที่หลากหลายปรับดีไซน์ให้กลายเป็นสปอร์ตเอสยูวีหลังคาลาดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo B48B20A 204 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตันเมตรที่ 1,450 – 4,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม.ได้ภายใน 7.6 วินาที พุ่งทะยานสู่ความเร็วสูงสุดที่ 236 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้าทั้งสองรุ่นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะแบบ Steptronic พร้อมคลัตช์คู่ ในรุ่น sDrive20i

    BYD : BYD SEAL U x BYD Dolphin CKD

    BYD

    รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จากค่าย BYD ที่มีการทดสอบพวงมาลัยขวาที่ต่างประเทศและมีโอกาสเข้าไทยกับ BYD SEAL U ตั้งใจท้าชก Tesla Model Y SUV มพลังไฟฟ้าเดียวกับ BYD Song Plus Champion Edition มาพร้อมกันถึงสองรุ่นสองความแรงจากพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) เริ่มที่รุ่น Standard Range มีความจุแบตเตอรี่ขนาด 71.8 kWh กำลังสูงสุด 204 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดระดับ 310 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกล 420 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) แถมให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.3 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 28 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 114 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมง

    รุ่น Extended Range มีความจุแบตเตอรี่ขนาด 87 kWh กำลังสูงสุด 218 แรงม้า กับ แรงบิดสูงสุดระดับ 330 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) แถมให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.6 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 29 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 140 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมง รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW ทั้งสองมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้ง Eco, Standard และ Sport มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2 / CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้

    และอีกรุ่นที่สอดรับกับนโยบายภาครัฐ EV3.5 กับการประกอบไทยเป็นครั้งแรกของค่ายกับ BYD Dolphin ประกอบที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 จะเริ่มประกอบตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ ผลิตเพื่อขายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั้งกลุ่มประเทศอาเซียนกับยุโรป มีกำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี

    CHANGAN : AVATR x LUMIN

    AVATRปีนี้เปิดตัวแบรนด์ลูกแบรนด์ที่สองกับ AVATR ประเดิมด้วย AVATR 11 เอสยูวีรูปทรงแบบท้ายลาด Coupe เสมือนเป็นการนำเอกลักษณ์สร้างความโดดเด่น พร้อมระบบเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ AC induction/asynchronous, Permanent magnet และชุดแบตเตอรี่แบบ Ternary Lithium Battery มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังมีสองแบบดังนี้ รุ่น Standard Range จากความจุแบตเตอรี่ 90.38 kWh ให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร  วิ่งไกลสุด 600-630 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.6 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 240 kW 0-80% ภายในเวลา 25 นาที และ 30-80% ภายในเวลา 15 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% กำลังไฟสูงสุด 11 kW น้อยกว่า 10.5 ชั่วโมง

    รุ่น Extended Range จากความจุแบตเตอรี่ 116.79 kWh ให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 705-730 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.9 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 240 kW 0-80% ภายในเวลา 45 นาที และ 30-80% ภายในเวลา 25 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% กำลังไฟสูงสุด 11 kW น้อยกว่า 13.5 ชั่วโมง

    รุ่น Standard Range ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ จากความจุแบตเตอรี่ 90.38 kWh ให้กำลังรวม 578 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร จากมอเตอร์คู่หน้ากำลัง 265 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงบิด 370 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 555-580 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.98 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 240 kW 0-80% ภายในเวลา 25 นาที และ 30-80% ภายในเวลา 15 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% กำลังไฟสูงสุด 11 kW น้อยกว่า 10.5 ชั่วโมง

    รุ่น Extended Range ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ จากความจุแบตเตอรี่ 116.79 kWh ให้กำลังรวม 578 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร จากมอเตอร์คู่หน้ากำลัง 265 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงบิด 370 นิวตันเมตร  วิ่งไกลสุด 680-700 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.5 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 240 kW 0-80% ภายในเวลา 45 นาที และ 30-80% ภายในเวลา 25 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% กำลังไฟสูงสุด 11 kW น้อยกว่า 13.5 ชั่วโมง

    AVATRอีกรุ่นที่อยากให้มากับ AVATR 12 เก๋งดีไซน์เหมือนรถยุโรปออกแบบโดย Nadar Faghihzadeh หัวหน้าฝ่ายออกแบบที่เคยทำงานกับค่าย BMW ขุมพลังแบบไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous motors จาก Huawei และแบตเตอรี่ ternary (NMC) จาก CATL เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังมีความจุ 90.4  kWh ให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้า วิ่งไกลสุด 676 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาตรฐาน CLTC และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวม 586 แรงม้าจากความจุแบตเตอรี่ 116.8 kWh วิ่งไกลสุด 555 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาตรฐาน CLTC พร้อม มี LIDAR RADER SENSOR กล้องรอบคัน ระบบช่วยขับ ระดับไฮเอนด์ ADS 2.0 จาก Huawei เข้ามาเสริมทัพ

    LUMINและ LUMIN ซิตี้คาร์ทรงปุ๊กปิ๊กที่วิ่งทดสอบแล้วที่เมืองไทยสร้างจากแพลตฟอร์ม ใช้แพลตฟอร์ม Changan’s EPA0 platform เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมแบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate เลือกได้ สองรูปแบบความแรงตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า ตั้งแต่ขนาดความจุ 12.92 kWh วิ่งไกลสุด 155 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จกระแสสลับ AC อย่างเดียว ภายในเวลา 7.5 ชั่วโมง ขยับขึ้นมาอีกกับรุ่นกับความจุ 17.65 kWh วิ่งไกลสุด 210 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จกระแสสลับ AC ภายในเวลา 9.8 ชั่วโมง

    ปิดท้ายด้วยรุ่นท็อปสุดให้กำลังสูงสุด 48 แรงม้ามีสองทางเลือกตั้งแต่รุ่นความจุ 17.65 kWh วิ่งไกลสุด 205 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จกระแสสลับ AC ภายในเวลา 6.5 ชั่วโมง และชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายในเวลา 35 นาทีและรุ่นที่มีความจุแบตเตอรี่ 27.99  kWh วิ่งไกลสุด 301 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จกระแสสลับ AC ภายในเวลา 9.5 ชั่วโมง ทุกความความแรงให้ความเร็วสูงสุด 101 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.5 วินาที

    CHERY : OMODA 5 EV, OMODA 5 HEV x JAECOO 7

    OMODA 5

    ปีนี้เราได้ต้อนรับการมาของ CHERY แบรนด์รถยนต์ที่คนไทยคุ้นเคยเมื่อ 10 กว่าปีก่อน มาครั้งนี้มาพร้อมแบรนด์ลูกอีกสองแบรนด์ทั้ง OMODA และ JAECOO เริ่มที่เดือนกุมภาพันธ์กับการแนะนำ OMODA 5 EV ท้าชน BYD ATTO3 ออกแบบภายใต้แนวคิดการสะท้อนตัวตนผู้ขับขี่คนรุ่นใหม่ ที่มีความทันสมัย มีสไตล์และชื่นชอบเทคโนโลยีแห่งอนาคต ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ Permanent magnet synchronous reluctance motor ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุแบตเตอรี่ 61kWh ที่ให้กำลังมากถึง 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุด 430กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาตรฐาน WLTP หรือ 510 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมเทคโนโลยี EIC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของยานพาหนะได้อย่างมาก การใช้พลังงานต่ำมากเพียง 15kWh ต่อ 100 กิโลเมตร

    ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 7.6 วินาที โดยการชาร์จแบบชาร์จช้า AC รองรับสูงสุด 9.9 kW และชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 80 Kw ภายใน 35 นาที ได้ 30-80% พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 10 โหมด รองรับ V2L ได้ Vehicle-to-load

    JAECOO

    และ JAECOO 7 นำพื้นฐานของ CHERY Explore 06 เปลี่ยนหน้าตาให้สมกับความเป็น JAECOO ด้วยแพลตฟอร์ม T1X Plug In Hybird เบนซินเทอร์โบ Kunpeng  ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRE4T15C ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 19.27 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิด 545 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการทำงาน 9 โหมด ซึ่งรุ่นนี้มีแนวโน้มสูงที่จะเข้าไทย และยังมี OMODA 5 HEV เครื่องยนต์ไฮบริดมาเสริมทัพ

    Ford :  Ford Everest V6 x Ford Mustang

    Fordด้าน Ford Everest ที่ลือๆกันว่าจะมีเครื่อง V6 3.0 ลิตรเข้ามาด้วยนั้นจับตากันต่อไปว่าปีนี้จะมาไหมด้วยดีเซลเทอร์โบ V6 เทอร์โบเดี่ยวในตระกูล Lion รหัสคาดว่าชื่อ DSL-Lion B 3.0 ลิตร Power Stroke 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 e-Shifter ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case – EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System 6 โหมด

    ปิดท้ายด้วยการมาของม้าป่าเจเนอเรชันใหม่ กับ Ford Mustang เจนที่ 7 ใหม่หมดแต่ยังรักษาความคลาสสิกไว้เช่นเคยกับพลังเดิม V8 5.0 466 แรงม้า แรงบิด 569 นิวตันเมตร รวมถึงเบนซินเล็ก EcoBoost GTDi ขนาด 2.3 ลิตร  314 แรงม้า แรงบิด 476 นิวตันเมตร ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 SelectShift รุ่นเดียวกันที่ใช้ในกระบะ Ford Ranger เข้ามาทำตลาด

    GWM : ORA Good Cat CKD x POER Pickup

    ORAรถยนต์ไฟฟ้าอีวีจีนรุ่นแรกของค่าย GWM ประกอบไทยกับ ORA Good Cat น้องเหมียวแสนดีสุดน่ารักเตรียมที่จะเผยสเปกและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 12 มกราคมนี้ความโดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบ “Retro Futuristic” ที่เป็นเอกลักษณ์ มอบความทันสมัยผสมผสานกับกลิ่นอายสไตล์เรโทรเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และกระบะรุ่นแรกของค่ายอย่าง POER ที่วิ่งทดสอบในไทยหลายครั้งลุ้นกว่าจะเปิดขายในปีนี้ด้วยหรือไม่ถ้าเปิดขายอาจยกขุมพลังมาจาก GWM TANK 500 HEV เบนซินเทอร์โบแปรผัน (VGT) Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NA หรือ รหัส GW4N20 HEV ได้ 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร แและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังรวมมากถึง 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 648 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT 9 สปีด รองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดอัตโนมัติ และโหมดออฟโรด ได้แก่ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย โหมดพื้นหิน โหมด4L โหมด4H โหมดพื้นหิมะ และโหมดเชี่ยวชาญ

    Honda : Honda e:N1 x Honda City Hatchback Facelift

    Honda

    ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นค่ายแรกของไทยที่เปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั่นคือ Honda e:N1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้านำพื้นฐานมาจาก Honda HR-V แปลงกายเป็นไฟฟ้าล้วนจากแพลตฟอร์ม e:N Architecture F พร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วนยกชุดมาจาก Honda e:NY1 หรือ Honda e:NS1

    ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าถึงสามตัวและแบตเตอรี่ lithium มีความจุ 68.8 kWh 204 แรงม้าที่ 4,621-5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 0-4,621 รอบต่อนาที วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งมากกว่า 412 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ขับเคลื่อนล้อหน้าให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 7.6 วินาที ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC CCS2 กำลังสูงสุด 78 kW 0-80% ภายใน 46 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC Type 2 กำลังสูงสุด 11 kW 10-80% ภายในเวลา 6.45 ชั่วโมงและระบบความปลอดภัย Honda SENSING

    ผลิตในไทย ณ โรงงานฮอนด้า สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี เตรียมเปิดตัวและช่องทางจำหน่ายให้ทราบอีกครั้งช่วงไตรมาสแรกในปีนี้ ค่าตัวคาดเริ่มต้น 1.1 ล้านบาทและจับตาดูว่าภายในปีนี้จะเปิดตัว Honda City Hatchback รุ่นปรับโฉมด้วยหรือไม่

    Hyundai : IONIQ 6 x IONIQ 5 NHyundaiทำตลาดเต็มตัวภายใต้ ฮุนได โมบลิลิตี้ ประเทศไทย พร้อมรุ่นใหม่ๆมาทำตลาดครบครันงานนี้อาจนำ IONIQ 6 มาขายจริงจัง ขุมพลังไฟฟ้ามีให้เลือกด้วยความจุแบตเตอรี่เดียวกัน 77.4 kWh มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว permanent magnet synchronous รุ่น EM07 228 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.4 วินาที และ 80-120กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 614 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

    และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ permanent magnet synchronous ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD รุ่น EM17 โดยมอเตอร์ด้านหน้าให้กำลัง 100 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร และมอเตอร์ด้านหลัง EM07 225 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 325 แรงม้า แรงบิด 605 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 5.1 วินาที และ 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 519 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

    รองรับการชาร์จเร็วกระแสตรง DC ให้กำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 350 kW 0-80% ชาร์จได้นาน 18 นาที และให้กำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 50 kW 0-80% ชาร์จได้นาน 73 นาที  และ AC กระแสสลับ ให้กำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 10.5 kW ชาร์จได้นาน 11.45 ชั่วโมง และยังสามารถจ่ายกระแสไฟ V2L กำลังไฟสูงสุด 3.6 kW

    Hyundai

    และอาจนำ IONIQ 5 N เข้ามาจำหน่ายในไทยด้วยภายนอกมาพร้อมชุดแต่ง N รอบคัน แบบสีดำขลิบสีแดง มาพร้อมพลังอีวีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลัง 226 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 383 แรงม้า โดยให้กำลังรวม 609 แรงม้า แรงบิด 740 นิวตันเมตร และเพิ่มพลังโหดเข้าไปถึง 650 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร ถ้าเปิดใช้โหมด N Grin Boost  ส่งผลให้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.4 วินาที ก่อนทะยานไปสู่ความเร็วสูงสุด 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมความจุแบตเตอรี่ 84 kWh ด้วยกำลังการชาร์จมากสุด 350 kW สามารถชาร์จเร็ว DC จาก 10-80% ในเวลา 18 นาที ปลุกอารมณ์ซิ่งขับขี่แบบรถขับหลังกับฟังก์ชัน N Drift Optimizer พร้อมฟังก์ชัน Torque Kick Drift

    ISUZU : ISUZU X-Series x ISUZU MU-X Facelift x ISUZU ELF Model Change

    ISUZUค่ายปิกอัพอันดับหนึ่งของไทยอย่าง ISUZU เปิดตัว ISUZU D-MAX รุ่นปรับโฉมไปแล้วปีนี้เสริมทัพด้วย ISUZU X-Series ปิกอัพแต่งหล่อจากโรงงานและการปรับโฉมของ ISUZU MU-X ที่งานนี้จะสร้างสีสันให้ค่ายนี้สามารถกวาดยอดจองมหาศาลจากแฟนๆขาประจำและหน้าใหม่ได้หรือไม่ต้องติดตามและปลายปีช่วงเดือนตุลาคมนนี้ อาจมีรุ่นปรับปรุง เพิ่มออปชัน ปรับสไตล์ใหม่ MY2025 ตามมาด้วยกระแสเครื่องยนต์ใหม่ทั้ง 3.0 ลิตร Mild Hybrid และ 2.2 ลิตร ต้อนรับ กฎเข้มไอเสีย EURO 5 กับ EURO 6 จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่หรือยังใช้ขุมพลังเดิมปรับมาตรฐานนั้นต้องติดตามและเป็นอีกปีที่ต้องลุ้นว่ารถบรรรทุกจะมีโมเดลใหม่ด้วยหรือไม่ เพราะล่าสุดเตรียมนำเข้า ISUZU ELF EV เจนใหม่ เข้ามาทดสอบใช้งานในไทยตั้งแต่ปีนี้

     KIA : KIA Sorento x KIA Carnival Facelift From Malaysia

    KIAหลังจากที่บริษัทแม่จากเกาหลีพร้อมบุกตลาดเมืองไทยเฉกเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชายคาเดียวกันอย่าง Hyundai กับ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จะมีรุ่นใหม่ๆเข้านอกจากจะขายทั้ง KIA Sorento นำเข้าจากมาเลเซียที่โชว์ตัวไปแล้วที่งาน Motor Expo 2023 โดยจะเปิดราคาช่วงต้นปี และ KIA Carnival ลุ้นกันว่าภายในปีนี้ทางมาเลเซียจะเริ่มประกอบรุ่นปรับโฉมหรือไม่ถ้ามีเท่ากับว่าเมืองไทยก็มีสิทธิ์เช่นกัน

    LEXUS : LEXUS LBX

    Lexus

    เอสยูวีรุ่นเล็กสุดของค่ายสร้างจากพื้นฐาน TNGA-B เดียวกันกับ Toyota Yaris Cross เวอร์ชันยุโรป เบนซิน Dynamic Force Hybrid M15A-FXE 1.5 ลิตร 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 120 นิวตันเมตรที่ 3,800-4,800 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Toyota Hybrid System II (THS II) คู่หน้าแบบ 1NM 80 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร กับ 1MM 5.3 แรงม้า แรงบิด 52 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion 4.3 Ah ให้กำลังรวมถึง 136 แรงม้า แรงบิดรวม 185 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four พร้อมความปลอดภัย Lexus Safety System+ คาดค่าตัวไม่เกิน 2 ล้านบาท

    LOTUS : LOTUS EMEYA

    LOTUSเก๋งทรงสปอร์ตที่รู้จักกันในรหัส Type 133 ท้าชนกับ Tesla Model S และ Porsche Taycan Turbo และยังเป็นรถยนต์ลำดับที่สองของค่ายต่อจาก Lotus Carlton เก๋งใหญ่ชื่อดังยุค 90 พื้นฐาน OPEL/Vauxhall Omega หน้าตาคล้ายกับ Lotus Eletre จากพื้นฐาน Sustainable Experience Architecture (SEA) จาก GEELY ทำให้มีความว่องไวเร้าใจในการขับขี่พร้อมขุมพลังไฟฟ้าอาจยกมาทั้งหมดด้วยความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion 102 kWh ขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanent magnet ให้ความแรงสูงสุด 918 แรงม้า แรงบิด 985 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 256 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 2.78 วินาที ส่วนอัตราเร่งแซง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ต่ำกว่า 2 วินาที

    วิ่งไกลสุดอาจได้ถึง 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed ที่ล้อหน้าและ Two Speed ที่ล้อหลัง การชาร์จไฟด้วยกำลังไฟแบบกระแสตรง DC สูงสุด 350 KW ชาร์จ 10-80% ในเวลาสั้นๆเพียง 18 นาที สามารถเพิ่มระยะทางวิ่งไกลสุดได้ 150 กิโลเมตร ภายใน 5 นาที และชาร์จแบบกระแสสลับ AC พร้อมช่วงล่างถุงลม

    Mazda : Mazda CX-5 x Mazda CX-60 x Mazda 6 x Mazda MX-5 2024

    Mazdaห่างหายการปรับโฉมมานานถึงหกปีล่าสุดทางมาเลเซียซึ่งเป็นฐานผลิต Mazda CX-5 ส่งมาขายไทยเตรียมที่จะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมก็เท่ากับว่าไทยได้อานิสงส์ด้วยเช่นกันดีไซน์ใหม่หล่อใหม่ ขุมพลังให้เลือกถึงสามแบบเช่นเดิมจากตระกูล SKYACTIV ทั้งเบนซิน SKYACTIV-G Turbo 2.5 ลิตร 231 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D มีระบบเทอร์โบแปรผันแบบ 2 ชั้นใ ขนาด 2.2 ลิตร 190 แรงม้าแรงบิด 450 นิวตันเมตร และเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร 165 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร ความปลอดภัย i-Activsense มาพร้อมระบบที่ช่วยควบคุมความเร็ว พวงมาลัย เพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสม Cruising & Traffic Support (CTS)

    Mazda

    ลุ้นกันว่า Mazda CX-60 จะมาไทยหรือไม่และ Mazda 6 ที่เลื่อนสถานะขายแบบไม่จำกัดเหมือนเคยเปิดตัวเมื่อปีกลายหรือไม่ พร้อมกับการมาของ Mazda MX-5 MY2024 รุ่น เปิดประทุนหลังคาแข็งหรือ RF hard-top ด้วยชุดไฟหน้า Bi-Beam LED ใหม่ที่มีไฟหน้าไฟเลี้ยว และไฟส่องสว่างเวลากลางวันรวมอยู่ในโคมดียวกัน กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ติดตั้งชุดรับสัญญาณระบบเรดาห์ ควบคุมการทำงานของระบบความปลอดภัยทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS ชุดไฟท้าย LED ออกแบบใหม่รวมทั้งไฟเลี้ยวไฟเบรกและไฟถอยหลังในโคมเดียวที่ดูหรู มองชัดเจนในเวลากลางคืน ล้ออัลลอยลายใหม่ 8 ก้านคู่ทั้งสีดำเมทาลิคและทูโทนสีดำตัดสีเงิน ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/45 R17

    พร้อมพลัง SKYACTIV-G 2.0 ลิตร รหัส PE-VPR (RS) 184 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตันเมตรที่ 4,000 คู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด SKYACTIV-MTและเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด พร้อม Paddle Shift ระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบอสมมาตรพัฒนาขึ้นใหม่ทำให้มีเสถียรภาพที่ดีขึ้นสำหรับที่มีให้เฉพาะรุ่นเกียร์ธรรมดา ขับเคลื่อนล้อหลัง

    Mazda

    พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าปรับเซ็ตน้ำหนักใหม่ให้ความรู้สึกตอบสนองรวดเร็ว เพิ่มโหมด DSC-Track สำหรับปิดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวควบคุมรถด้วยตัวเองไม่พึ่งตัวช่วย พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการทรงตัวขณะเข้าโค้ง KPC (Kinemetic Posture Control) ช่วยให้รถทำงานผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ ช่วงล่างด้านหลังถูกออกแบบเพื่อช่วยป้องกันการยกของตัวรถ (Anti-Lift) ทำการควบคุมแรงเบรกที่ล้อหลังฝั่งด้านในโค้ง ลดอาการโคลงของตัวรถ ทำให้รถมีเสถียรภาพและเข้าโค้งได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมสีใหม่ สีน้ำตาล เซอร์คอน แซนด์ (Zircon Sand) (แทนสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ Polymetal Gray)

    Mercedes-Benz : Mercedes-Benz E-Class x Mercedes-Benz GLC Coupe x Mercedes-Benz GLS Facelift x Mercedes-AMG GLE Facelift

    Mercedes-Benzพระเอกของค่ายดาวสามแฉกกับ Mercedes-Benz E-Class เจเนอเรชันใหม่ เจนที่ 11 รหัส W214 ด้วยความมิกซ์ดีไซน์กันระหว่างพี่ใหญ่ Mercedes-Benz S-Class V223 และ Mercedes-Benz C-Class W206 น้องเล็กผสานจนเกิดเป็นความหล่อลงตัวมีทั้ง ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร OM654M Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถโดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษแบบ 48V technology โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษพร้อม EQ Boost ให้กำลังถึง 23 แรงม้า แรงบิด 205 นิวตันเมตร และให้กำลังมากถึง 197 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 238 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.6 วินาที ในรุ่น E220 d

    และเบนซิน Plug In Hybrid 2.0 ลิตร รหัส M254 ในรุ่น E300 e ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 204 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาทีจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 129 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 236 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.4 วินาที วิ่งไกลสุด 115 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง WLTP โดยเปิดตัวในรุ่นประกอบในไทย

    Mercedes-Benzอีกหนึ่งรุ่นกับ Mercedes-Benz GLC Coupe ที่มาทั้งรุ่น 350e 4MATIC และรุ่น 220d 4MATIC ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร OM654 M ให้กำลังมากถึง 200 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบ Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษพร้อม EQ Boost ให้กำลังถึง 20 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร และการปรับโฉมของ Mercedes-Benz GLS 350d 4MATIC AMG Premium และ Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+

    MG : MG CYBERSTER x MG4 Electric CKD

    MGโรสเตอร์สายเลือดยุโรปพกพลังไฟฟ้าที่ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน lithium-ion battery ที่มีความจุแบตเตอรี่ 77 kWh เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวมมากสุด 544 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าให้กำลัง 204 แรงม้าและมอเตอร์ไฟฟ้าหลังให้กำลัง 340 แรงม้า สามารถวิ่งไกลสุด 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาทีและมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวจากความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ให้กำลังรวมมากสุด 314 แรงม้า

    โดยได้ MGB Roadster เป็นแรงบันดาลใจในการดีไซน์โดยตัวรถมาในแบบโรสเตอร์เปิดประทุนตั้งแต่ไฟหน้า LED Projector แบบ Laser Belt กระจังหน้าเรียวยาวพร้อมตรา MG ในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ด้านท้ายแบบ Kammback ชุดไฟท้าย LED Red Wing ด้วยเส้นไฟที่เรียวเล็กดูชัดเจนสุดล้ำ ไฟเลี้ยวรูปทรงลูกศรสปอยเลอร์หลังที่ฝังตัวอยู่ในชิ้นเดียวกันลงตัว กันชนหลังเสริมลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำ ประตูรถออกแบบมาเปิดแบบปีกนกหรือ Scissor Doors ล้ออัลลอยลาย Hacker Blade สำหรับ MG Cyberster ที่จะขายในไทยภายในปีนี้และการประกอบไทยของ MG4 Electric ที่จะมาพบกันในต้นปีนี้ก่อนงาน Bangkok Motor Show 2023

    Mitsubishi : Mitsubishi Triton Athlete x Mitsubishi X Force x Mitsubishi Xpander HEV

    Mitsubishi

    ค่ายทรีไดมอนด์เเสริมทัพรุ่นย่อยของ Mitsubishi Triton รุ่นท็อป Athlete ดีเซลใหม่ 2.4 ลิตร 4N16 ที่มีสามความแรงแบบ High Power 204 แรงม้า มีราคาประมาณการที่ 1,300,000 บาท คาดว่าสามารถส่งมอบรถล็อตแรกได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมรุ่นใหม่สองรุ่นทั้ง Mitsubishi X Force Sub Compact SUV พร้อมแนวคิด Best-suited buddy for an exciting life หรือคู่หูที่จะให้ความตื่นเต้นความเร้าใจตลอดการเดินทาง และ Mitsubishi Xpander HEV ผลิตที่แหลมฉบังทั้งสองรุ่นจะเริ่มผลิตช่วงต้นปี 2024 นี้ นอกจากขายไทยยังส่งออกไปยังตลาดเกิดใหม่ ตลาดภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคตะวันออกกลาง

    NETA : NETA V-II x NETA X

    NETAหลังจากเปิดไลน์ผลิดต NETA V-II รุ่นปรับโฉมอย่างเป็นทางการในไทยโดยพบกันต้นปีนี้และภายในปีนี้ Global Product รุ่นใหม่อย่าง NETA X เวอร์ชันประกอบไทย จะตามมา พร้อมขุมพลังไฟฟ้ามีสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น Standard Range ด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 66 kWh จาก CATL ให้กำลังถึง 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.5 วินาทีโดยชาร์จช้า AC นั้นจาก 20-100% จะใช้เวลาในการชาร์จ 8 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จเร็ว DC 30-80% จะใช้เวลา 30 นาที

    NETAยังมีรุ่น Extended Range 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 610 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยชาร์จช้ากระแสตรง AC จาก 0-100% จะใช้เวลาในการชาร์จ 8.5-13 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30 จนถึง 80% จะใช้เวลา 30 นาที มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้งแบบ Normal กับ Sport เด่นด้วยฟังก์ชันการปล่อยไฟฟ้าภายนอก V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถจ่ายไฟจากตัวรถได้ 3.3 kW (3,300W) และลุ้นกันว่า NETA V รุ่นปรับโฉมจะมาโชว์ตัวที่งานนี้ด้วยหรือไม่หลังโลกออนไลน์เผยภาพแบบเต็มตาไม่พรางตัวที่ไทยโดยจะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า

    Nissan : Nissan Navara 2024 x Nissan Serena

    Nissanปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ Nissan มีรถใหม่เปิดตัวพอสมควรทั้ง Nissan Almera กับ Nissan LEAF รุ่นปรับโฉมเสริมรุ่นพิเศษ Nissan TERRA Sport ปีนี้เตรียมพบกับ Nissan Navara ที่คาดว่าจะเป็นการปรับออปชัน ปรับความเท่ในร่างเดิม

    Nissan

    และการกลับมาอีกครั้งของเอ็มพีวีชื่อดังในยุค 90 กับ Nissan Serena เจเนอเรชันที่ 6 ใหม่หมดทั้งตัวรถและภายในพร้อมขุมพลังเบนซินล้วน เบนซิน 2.0 ลิตร รุ่น MR20DD ตัดระบบ Hybrid ทิ้งไป กำลังสูงถึง 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT และ e-Power HR14Dde 1.4 ลิตร ให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM57 Synchronous Motor ให้พลังรวมเป็น 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ionในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction

    Peugeot : Peugeot 2008 Facelift

    Peugeotลุ้นกันว่าทางโรงงานมาเลเซียจะสามารถเปิดไลน์รุ่นปรับโฉมของ Peugeot 2008 หรือไม่ถ้าเปิดไทยก็ได้ประโยชน์เต็มๆและพร้อมที่จะเปิดตัวท้าชนคู่แข่ง

    Subaru : Subaru CROSSTREK

    Subaruเจนที่ 3 ของเอสยูวีเล็กที่มาแทน Subaru XV สร้างจากแพลตฟอร์ม Subaru Global Platform แถมตัวรถยังใกล้เคียงกับ Subaru XV เจนปัจจุบันพร้อมพลังเบนซินล้วน Boxer 2.0 ลิตร (FB20) direct injection พร้อมระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS) 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาทีคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT แบบ 7 สปีด มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา Symmetrical all-wheel drive เสริมระบบ X-MODE ด้านความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม EyeSight New-generation + wide-angle monocular camera พร้อมกล้องรอบคัน Digital multi-view monitor

    Suzuki : Suzuki Swift

    Suzuki

    เจเนอเรชันที่สี่กับมินิแดนยุ่นปรับหน้าตาใหม่หมดแม้จะมีความคล้ายกับเจนปัจจุบันรหัส YED ยังใช้แพลตฟอร์ม HEARTTECT และเมื่อเทียบกับ Swift เจนที่สี่พบว่ายาวขึ้นกว่าเจนที่แล้ว 15 มิลลิเมตร สูงกว่า 5 มิลลิเมตร ความกว้างแคบกว่าเจนที่แล้ว 40 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเท่าเดิม และน้ำหนักรถเบากว่า 1.9 กิโลกรัม พร้อมขุมพลังใหม่หมดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร รหัสใหม่ Z12E ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดเพิ่มจากญี่ปุ่น เป็น 112 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที และยังมีเวอร์ชัน Mild Hybrid พ่วงด้วยแบตเตอรี่ก้อนเล็กสุด Lithium lon 6Ah 12V จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Integrated Starter Generator (ISG)

    เสริมกำลังเครื่องยนต์ทั้งแรงและเร้าใจขึ้นแบบ SVHS (Suzuki Hybrid Vehicle  System) กำลังสูง 3.1 แรงม้าที่ 1,100 รอบต่อนาที แรงบิด 60 นิวตันเมตรที่ 100 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ลูกใหม่ ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมความปลอดภัยเต็มคัน Suzuki Safety Support

    Toyota : Toyota Camry x Toyota Yaris ATIV HEV x Toyota Corolla Cross Facelift x Toyota Prius HEV xToyota Hilux REVO MHEV x Toyota Hilux REVO GR Sport x Toyota Fortuner MHEV x Toyota Majesty

    Toyota

    ปีนี้ค่ายรถสามห่วงทุ่มสุดตัวกับการเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่นประเดิมด้วยไฮไลต์เด็ดหลังปล่อยให้ Honda Accord e:HEV เริงร่ากับยอดขายเกือบครึ่งพันคันต่อเดือนปีนี้ส่ง Toyota Camry เจเนอเรชันที่  9 ใหม่หมดทั้งคันด้วยเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร ทั้งไฮบริดและเบนซินล้วนเริ่มที่ Dynamic Force Engine รหัส A25A-FKS พร้อม VVT-iE วาล์วแปรผันอัจฉริยะควบคุมด้วยไฟฟ้า กำลังสูงสุด 209 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-8AT

    และเบนซินไฮบริด VVT-IE รหัส A25A-FXS 2.5 ลิตร ให้กำลังถึง 178 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600-5,200 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 120 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ นิกเกิลเมตัลไฮดราย ความจุ 6.5 แอมแปร์-ชั่วโมง โดยให้กำลังรวม 211 แรงม้า แรงบิด 221 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVTพร้อม Sequential Shift ช่วงล่างพัฒนาใหม่ปรับในส่วนโช้คอัพและปรับแต่งส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อการขับขี่ที่นุ่มเกาะโค้งเยี่ยมแต่มีความเป็นไปได้สูงที่จำหน่ายแค่ ไฮบริดอย่างเดียว

    Toyota

    เก๋ง B-Car อย่าง Toyota Yaris ATIV ที่ยังต้องส่งมอบกันต่อไปอาจเพิ่มทางเลือกกับขุมพลัง Hybrid 1.5 ลิตรเสริมทัพเบนซิน 1.2 ลิตร รวมถึงการปรับโฉมของพี่บึ้ง Toyota Corolla Cross อาจปลดขุมพลังเดิมและใส่ขุมพลังใหม่ Dynamic Force รหัส M20A-FKS 2.0 ลิตร 170 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาทีแรงบิด 202 นิวตันเมตรที่ 4,400- 4,800 รอบต่อนาที ฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection และควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วไอดี VVT-iE electric variable valve timing จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift 10 สปีด พร้อม Paddle Shift พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ เพิ่อความสบายและการเข้าโค้งที่ดีกว่าทอชั่นบีม

    ส่วนรุ่นเบนซิน Hybrid ยังคงเดิมแต่พัฒนาเพิ่มพลังด้วยขนาด 1.8 ลิตร 2ZR-FXE  98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที ภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ล้อหน้ารุ่น 1VM 95 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตันเมตร และหลังสำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four รุ่น 1WM 41 แรงม้า แรงบิด 84 นิวตันเมตร  ได้แรงม้ารวม 140 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมดทั้ง “Eco”, “Normal”, “Sports”, Comfort” และ “Sports S +

    หรือเครื่องใหม่ Dynamic Force Hybrid รหัส M20A-FXS 2.0 ลิตร ให้พลัง 152 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 187 นิวตันเมตรที่ 4,400-5,200 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 65 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่นิเกิล-เมทัลไฮไดรด์ (Ni-MH) 168 cell เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อม Sequential Shift พร้อมโหมดการขับขี่  Eco + Power+ Normal

    Toyotaอภิมหาที่สุดกระบะจอมโหดอย่าง Toyota Hilux REVO GR Sport ที่งานนี้อัปเกรดตัวเองให้กลายเป็นปีศาจร้ายทางเรียบ หรือ Performance Pickup ฟาดฟันกับ Ford Ranger Raptor ด้วยพลังดีเซล 2.8 ลิตร 224 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร พร้อมตัวรถที่ปรับบุคลิกให้ดิบขึ้น มีการขยายในทุกส่วนเมื่อเทียบกันพบว่าความยาวตัวรถลดลง 5 มิลลิเมตร  ความกว้างมากขึ้น 120 มิลลิเมตร สูงขึ้นจากเดิม 15 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้ากว้างกว่าเดิม 140 มิลลิเมตร  ความกว้างช่วงล้อหลังกว้างกว่าเดิม 155 มิลลิเมตร

    การเพิ่มชุดแบตกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กแบบ Mild Hybrid สำหรับ Hilux REVO กับ Fortuner การกลับมาของ Toyota Prius HEV เจนใหม่และรถตู้หรู Toyota Majesty จะกลับมาสู้ตลาดเมืองไทยอีกครั้งหรือไม่ต้องติดตาม

    VINFAST

    VINFAST

    หลังจากโชว์ตัวในไทยแบบเงียบๆเพื่อเป็นการรู้จักยานยนต์แดนเหงียนนั่นก็คือ VINFAST และในอนาคต VINFAST เตรียมที่จะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาในกลุ่มอาเซียนถึงสี่รุ่นได้แก่ VINFAST VF 5 เก๋งท้ายตัดทรงเล็ก, VINFAST VF 6 ซับคอมแพ็คเอสยูวี, VINFAST VF 7 คอมแพ็คเอสยูวี และ VINFAST VF e34 ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การตลาดระดับภูมิภาคของ VINFAST ในการพัฒนายานยนต์ต่อสายตาชาวโลก นอกจากนี้ยังแสวงหาพันธมิตรรายใหม่ในกลุ่มอาเซียนที่สนใจเพื่อขยายตลาดและส่งเสริมโซลูชั่นที่ยั่งยืน น่าจับตาแล้วว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ VINFAST สนใจจะมาลงทุนขายหรือไม่ต้องติดตาม

    Volvo : Volvo EX90

    Volvo

    หลังเผยโฉมแบบ Sneak Preview ที่งาน Motor Expo 2022 และต้องเลื่อนเปิดตัวไปในปี 2023 ปีนี้คงได้พบกับ Volvo EX90 เอสยูวีไฟฟ้า ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA2) ดีไซน์ล้ำหน้ากว่ารุ่นอื่นๆของ Volvo ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.29 ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้ความจุแบต lithium-ion ขนาดใหญ่ 111 kWh แรงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร และมีรุ่นแรง Performance 517 แรงม้า แรงบิด 910 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 600 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 4.9 วินาที สามารถชาร์จกระแสตรง DC 10-80 % ภายใน 30 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 250 kW และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW พร้อมระบบ LiDAR หรือ Light Detection and Ranging ระบบตรวจจับวัดระยะทางของวัตถุและคนเดิน โดยการใช้แสงเลเซอร์ไปกระทบกับวัตถุแล้วคำนวณระยะทางด้วยระยะเวลาทำงานได้เร็ว ประกอบด้วย รวมถึงกล้องแปดตัว เรดาร์ 5 ตัว เซนเซอร์อัลตราโซนิก 16 ตัว และเซนเซอร์ของระบบ LiDAR ตรวจจับคนเดินถนนด้วยระยะไกลสูงสุด 250 เมตร

    WULING : WULING BINGUO EV

    WULING

    EV Primus มีแผนภายในสามปีข้างหน้าจะมีรถใหม่ไม่ต่ำกว่าสามรุ่นขยายฐานกลุ่ม Compact และ City EV รุ่นแรกมีความเป็นไปได้สูงว่าที่จะเป็น WULING BINGUO EV ท้ายตัดทรงน่ารักที่พึ่งเปิดตัวที่จีนและอินโดนีเซียได้ไม่นาน ขุมพลังไฟฟ้าล้วนมาแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าถึงสองทางเลือกตั้งแต่รุ่น Long Range 333 กิโลเมตรให้ความจุแบตขนาดใหญ่ lithium ferro-phosphate (LFP) 31.9 kWh ให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 333 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จ AC กระแสสลับ 20-100% ในเวลา 9.5 ชั่วโมง และชาร์จกระแสตรง DC 30-80% รองรับการชาร์จสูงสุด 50 kW ทำได้ 35 นาที

    รุ่นท็อปสุด Premium Range ความจุแบตเตอรี่ lithium ferro-phosphate (LFP) 37.9 kWh ให้กำลังมากถึง 68 แรงม้า แรงบิด 125 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้ไกล 410 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 50 kW 30-80% ทำได้ 35 นาที และยังชาร์จกระแสสลับ AC 20-100% ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง ทั้งคู่มาพร้อมโหมดการขับขี่เลือกได้ถึงสี่โหมดทั้ง ECO, ECO +, Sport, และ Normal และเกียร์อัตโนมัติ  Single Reduction Gear

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts