เป็นอีกหนึ่งโมเดลจากค่าย นิสสัน ที่แฟนๆเรียกร้องอยากให้มาขายหลังจากที่ได้วิ่งพรางตัวทดสอบในไทยนั่นคือ Nissan Serena เอ็มพีวีรุ่นเด่น
และทาง Car2Day ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่าทาง Nissan ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว Nissan Serena มีความเป็นไปได้ว่าเตรียมที่จะขายคู่กันถึง 2 เจเนอเรชันทั้งเจเนอเรชันที่ 5 รหัส C27 (เน้นขายกลุ่ม Fleet) และเจเนอเรชันที่ 6 รหัส C28 (เน้นขายลูกค้าทั่วไป)
ดีไซน์ภายนอก Exterior
เริ่มที่ Nissan Serena S-Hybrid เจนที่ 5 แม้เป็นปลายโมเดลแต่ยังหล่อด้วย กระจังหน้ารูปตัววี V-Motion grille หรูขึ้นรับกับกันชนหน้าพร้อมไฟหน้าadaptive LED headlight กันชนหลังหลังคารถ Diamond Black กระจกมองข้าง และสปอยเลอร์หลัง อัลลอยทูโทนลายใหม่ขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 195/65 R15 และขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 195/60 R16
ดีไซน์ภายใน Interior
ยังเป็นแบบ 7 และ 8 ที่นั่ง เด่นที่ เบาะนั่งตอน 2 เลื่อนได้ถึง 900 มิลลิเมตร แผงคอนโซหน้าปรับปรุงใหม่ กับมาตรวัดขนาดใหญ่ พร้อมจอ MID สี ขนาด 5 นิ้ว มองได้ชัดเจน คอนโซลกลาง พร้อมจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ รองรับระบบความบันเทิง Infotainment กับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบท้ายตัด 3 ก้าน ประตูสไลด์ เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมโทนตกแต่งภายในใหม่ให้เลือกถึง 4 แบบทั้งแบบสีดำตาลเข้ม, ทูโทนดำ-เทา, ดำเข้ม และสีเบจ
สมรรถนะเครื่องยนต์ Performance
ขุมพลังเป็นเบนซินขนาด 2.0 ลิตร รุ่น MR20DD Mild Hybrid กำลังสูงถึง 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า SM 24 ให้กำลัง 2.6 แรงม้า แรงบิด 48 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT พร้อมความปลอดภัยเต็มพิกัดทั้ง ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ intelligent emergency brake เตือยชนปะทะแปบปรับได้ stepless collision prevention assist ปรับไฟสูงอัตโนมัติ high beam assist และเตือนการชนด้านท้าย RCTA
ดีไซน์ภายนอก Exterior
ด้าน Nissan Serena e-Power เจนที่ 6 ภายนอกปรับดีไซน์ให้ทันสมัยขึ้นกระจังหน้ารูปตัววีดีไซน์เรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nissan กันชนหน้ารับเข้ากับกระจังหน้าอย่างลงตัว ไฟหน้า LED สามดวงแนวตั้งพร้อมปักชื่อ Serena บนขอบไฟหน้า ชุดกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้าดวงเล็กแบบ LED คิ้วด้านท้ายด้วยกันสองชุดเริ่มจากคิ้วเล็กปะชื่อ Serena และคิ้วใหญ่กรอบป้ายทะเบียน ติดตั้งกันชนหลังแผงทับทิมแนวตั้งและสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ และไฟท้าย LED แนวตั้ง ที่ครอบทับฝาท้ายส่วนบนกระจกท้ายเสา C กับ D แบบตัววี เสา A มีกระจกขนาดเล็กแบบเดียวกับเจนที่แล้ว ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/65 R16
ตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,765-4,690 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,695-1,715 มิลลิเมตร ความสูง 1,870-1,895 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,670-1,850 กิโลกรัม
ดีไซน์ภายใน Interior
ภายในมีระบบอุ่นที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะนั่งคู่หน้าและเบาะนั่งแถวสองซ้ายขวาและกระจกมองข้างละลายฝ้าได้ ภายในยังคงเป็นแบบสามแถว 7 และ 8 ที่นั่ง เบาะนั่งตอนที่สองสามารถเลื่อนได้ แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ที่ต่างจากเจนที่แล้ว กับมาตรวัดขนาดใหญ่พร้อมจอ MID ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับระบบความบันเทิง Infotainment กับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ประตูสไลด์ เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาและปุ่มเกียร์อัตโนมัติในตัว
สมรรถนะเครื่องยนต์ Performance
ขุมพลังเปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์เบนซิน e-Power รหัส HR14Dde ที่พัฒนาจาก HR12DE มาขยายความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชักยาวขึ้นเป็น 78.0 x 100.0 มิลลิเมตร (เดิม 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร) ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาที
ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM 57 Synchronous Motorให้พลังรวมเป็น 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion พร้อมระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction ขับเคลื่อนสองล้อหน้า ประหยัดสุด 20.7 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน WLTC
เทคโนโลยี Tecnology
พร้อมระบบ ProPILOT 2.0 หรือระบบช่วยขับกึ่งอัตโนมัติ ระบบช่วยบังคับเลี้ยวเพื่อหลีกเลี่ยงการชน” ควบคุมการบังคับเลี้ยวของผู้ขับขี่เมื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางด้านหน้า และ ProPILOT Parking พ่วงระบบหน่วยความจำที่สามารถบันทึกตำแหน่งที่จอดรถเมื่อจอดรถแล้ว และ Propilot Remote Parking ช่วยให้รถสามารถเข้าและออกได้ด้วยรีโมทคอนโทรล สามารถเข้าและออกจากพื้นที่จอดรถที่แคบๆแบบสบายๆ เตรียมพบกันปลายปีนี้ทั้ง 2 เจน 2 ทางเลือกจากค่าย Nissan