More

    OMODA C5 EV ขายไทยไตรมาสสอง..คาดค่าตัวไม่เกินล้านบาท

    หลังจากรอคอยกันมานานสำหรับ OMODA C5 EV เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกค่าย โอโมดา ที่พร้อมจะทำตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการในปีนี้

    OMODA

     

    ล่าสุดชัดเจนแล้วว่าเตรียมขายไทยพร้อมประากาศราคาช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ (ประมาณเดือนพฤษภาคม) สำหรับ OMODA C5 EV ตั้งใจท้าชน BYD ATTO3 รุ่น Extended Range MY 2024 ที่จะเปิดตัวในงาน Motor Show  ออกแบบภายใต้แนวคิดการสะท้อนตัวตนผู้ขับขี่คนรุ่นใหม่ ที่มีความทันสมัย มีสไตล์และชื่นชอบเทคโนโลยีแห่งอนาคต

    เริ่มที่กระจังหน้าทรงปิดทึบรูปตัว X พร้อมตัวอักษร OMODA ขนาดใหญ่ติดขอบฝากระโปรงหน้าล้อมด้วยขอบไฟ DRL LED ซ้าย-ขวาโอบรับกับตัวรถถัดลงมาเป็นไฟหน้าแบบ LED matrix แนวตั้งซ้าย-ขวา หลังคารถออกแบบอย่างเฉียบขาดเทียบชั้นรถยุโรปพร้อมไฟท้าย LED แนวยาว ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R18

    ตัวรถด้วยความยาว 4,400 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,824 มิลลิเมตร  ความสูง 1,588 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,630 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 165 มิลลิเมตร และน้ำหนักรถ 1,444 กิโลกรัม

    OMODA

    ภายในหรูเทียบชั้นกับคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นจอขนาดใหญ่ 2 จอที่รวมกัน 24.6 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ และจอสัมผัสอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบ Dual Screen ขนาดแต่ละฝั่งขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto ประมวลผลเร็วผ่าน  Qualcomm 8155 พร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สาย ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry สามารถล็อกและปลดล็อกรถอัตโนมัติเพียงเดินเข้าใกล้หรือเดินออกจากรถในระยะไกล เบาะนั่งหุ้มวัสดุกึ่งหนังแท้ด้านคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง คนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

    สามารถพับได้ในส่วนของเบาะหลัง 60:40 โดยความจุด้านท้ายรถมากถึง 380 ลิตร มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 64 สี ลำโพงคุณภาพจาก SONY 8 จุด เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold

    สเปกไทยมาแบบไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ Permanent magnet synchronous reluctance motor ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุแบตเตอรี่ Lithium iron phosphate 61 kWh ที่ให้กำลังมากถึง 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุด 505 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC  พร้อมเทคโนโลยี EIC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของยานพาหนะได้อย่างมาก การใช้พลังงานต่ำมากเพียง 15 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร

    ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 7.2 วินาที ชาร์จสองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสสลับหรือช้า AC รองรับสูงสุด 11 kW ภายในเวลา 6-7 ชั่วโมง และชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 110 Kw ภายใน 28 นาที ได้ 30-80%

    พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง ECO Normal และ Sport ให้ทุกกิจกรรมสนุกสนานโดยไร้ข้อจํากัดด้วย V2L ( Vehicle-to-load) ทำให้มีพลังงานไฟฟ้าพร้อมใช้งาน และอำนวยความสะดวกต่อความต้องการพลังงานไฟฟ้าของผู้ใช้ ขนาด 3.3 kW

    OMODAมาพร้อมระบบช่วยผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) มากถึง 17 ระบบ ทั้งระบบเตือนการออกนอกเลน LDW ปองกันการออกนอกเลน LDP ตรวจสอบจุดอับสายตา BSD เตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ช่วยเบรกขณะถอยหลัง RCTB เตือนการชนด้านหน้า FCW เตือนการชนด้านหลัง RCW ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB เตือนเมื่อเปิดประตู DOW ชวยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน LCA ควบคุมรถเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ IES

    ช่วยเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB ชวยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ELK แจ้งเตือนการออกตัว ตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ DMS ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC รักษารถให้อยู่กลางเลน ICA ช่วยเหลือการขับขี่ในนสภาพความเร็วต่ำ TJA

    พร้อมระบบความปลอดภัยผ่านมาตรฐานระดับ 5 ดาว ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของโครการประเมินรถใหม่ของยุโรป (E-NCAP) ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกปองกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD ช่วยเบรก BAS ลดกําลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก BOS ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP

    ป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว RSC ป้องกันนรถไหลเมื่อขึ้นทางลาดชัน HAC ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS ถุงลมนิรภัยรอบคัน และกล้องแสดงภาพ Panoramic ในลักษณะ 540 องศา
    OMODA

    ด้านราคาจำหน่ายคาดว่าไม่เกิน 1,000,000 บาท และยังมี JAECOO 7 PHEV เปิดขายช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้ รวมถึง JAECOO 6 กับ JAECOO 8 PHEV เปิดขายไทยช่วงไตรมาสที่สี่

    ทางด้านเครือข่ายการจำหน่ายชัดเจนแล้วว่ามีมากกว่า 35 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งล่าสุด ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้มีการประชุมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับผู้แทนจำหน่ายระดับประเทศครั้งแรก พร้อมกับตั้งเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีนในไทย และโรงงานประกอบรถอีวีในไทยจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2025

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts