More

    ORA Good Cat น้องเหมียวประกอบไทยเปิดราคา 12 มกราคม

    วันนี้เป็นวันแรกกับมาตรการสนับสนุนการใช้รถอีวี 3.5 ที่จะได้รับส่วนลดสูงถึงหนึ่งแสนบาทและปีนีได้เห็นรถอีวีประกอไทยมากขึ้นเริ่มที่ ORA Good Cat

    ORA

    ล่าสุดทาง GWM แจ้งมาว่าน้องเหมียวแสนดีสุดน่ารักเตรียมที่จะเผยสเปกและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมนี้ความโดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบ “Retro Futuristic” ที่เป็นเอกลักษณ์ มอบความทันสมัยผสมผสานกับกลิ่นอายสไตล์เรโทรเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยมีจุดเด่นด้านนอกคือไฟหน้าทรงกลมทรง Cat Eye แบบ LED พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/50R18 ไฟท้ายแนวยาว LED ครอบทับกระจกหลังช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้นท้ายรถที่เรียบง่ายและสปอยเลอร์หลังดีไซน์เก๋ไก๋ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ตัวรถมีขนาดใหญ่โตออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ในมิติตัวรถความยาว 4,235 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,825 มิลลิเมตร ความสูง 1,596 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร และความสูงใต้ท้องรถ 145 มิลลิเมตร จากแพลตฟอร์ม GWM LEMON E PLATFORM

    ภายในหรูสง่าภายใต้แนวคิด “Intelligent Cockpit with Exquisite Craftsmanship” ด้วยหน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 17.25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง แบ่งออกเป็น หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ รองรับ Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทางรองรับแอปพลิเคชั่นเพลง เช่น JOOX  พร้อมลำโพง 6 จุด พร้อมวัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่สบาย โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ที่สวยงาม เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟพร้อม Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้า-ออกจากรถได้อย่างง่ายดายและระบบเบาะนวดไฟฟ้า เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร

    ORAระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกเพื่อระบายอากาศและช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร และออพชั่นให้ความสบายๆทั้ง เกียร์อัตโนมัติลูกบิดระบบ Electronic Shifter ระบบชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 2 ก้าน และฟังก์ชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Functions) มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัย การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)

    ตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล พร้อมฟังก์ชั่นอื่นๆทั้ง ฟังก์ชันการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย ที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ เป็นต้น

    ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร กับความจุแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) 47.788 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร ในรุ่น 400 PRO และความจุแบต 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ในรุ่น 500 ULTRA

    รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW และการชาร์จไฟบ้านแบบ AC 6.6 kW โดยระยะเวลาในการชาร์จ ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0%–80%) 45 นาที สำหรับรุ่น PRO และ 60 นาที สำหรับรุ่น ULTRA โดยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Electronic Shifter พร้อมระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือได้แก่ Standard, Sport, ECO, ECO+ และ AUTO

    GWMในขณะที่รุ่น GT จะมาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่เน้นพละกำลังและความสปอร์ต มาพร้อมรูปลักษณ์ที่สะท้อนเอกลักษณ์และความเท่ของผู้ขับขี่อย่างมีสไตล์ พร้อมตอบสนองการขับขี่ที่เร้าใจด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตลายคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนด้านหลังโดดเด่นด้วยสปอยเลอร์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมตราสัญลักษณ์ GT ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้วพร้อมยางขนาด 215/50 R18 มาพร้อมกับดิสก์เบรกคาลิปเปอร์สีแดง ชุดแต่งสเกิร์ตหน้ากับหลัง ภายในตกแต่งด้วยสีแดง-ดำอันเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มออปชันมาจากรุ่นปกติด้วยประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าระบบแฮนด์ฟรี

    พร้อมขุมพลังพัฒนาแรงด้วยความจุแบตเตอรี่ Lithium-Ternary (NMC) 63.139 kWh กับ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังมากถึง 171 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสูงสุด 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC เทคโนโลยีที่อัดแน่นเปี่ยมประสิทธิภาพ รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW โดยชาร์จแบบเร็ว DC (0%–80%) 60 นาที และ DC (30%–80%) 40 นาที และการชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับด้วยการชาร์จไฟบ้านแบบ AC สูงสุด 6 kW ภายใน 10 ชั่วโมง

    ระบบความปลอดภัยจัดเต็มทั้ง ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+ ทั้ง ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)

    ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn) ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ตรวจความดันลมยาง (TPMS) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP) ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety) ทั้ง โครงสร้างตัวถัง ทำจากเหล็กกล้า IronBone™ สามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลักถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน

    ORAORA Good Cat และ ORA Good Cat รุ่น GT เป็นรุ่นที่ผลิตจากโรงงานอัจฉริยะในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง พร้อมให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคุณภาพจากฝีมือคนไทย โดยรุ่น PRO และULTRA มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Hamilton White) สีขาวหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) ซึ่งทั้งสองสีนี้จับคู่กับภายในสีดำ, สีเขียวหลังคาสีขาว (Verdant Green with White Roof) พร้อมสีภายในสีเขียวและเทา, สีเบจหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Brown Roof) พร้อมสีภายในสีเบจและน้ำตาล และสีเขียว พิสตาชิโอ (Pistachio Green) พร้อมสีภายในสีเขียวและเบจ

    ส่วนรุ่น GT มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และสีเทา (Aqua Grey) ซึ่งทั้งสองสีนี้จับคู่กับภายในสีดำและเหลือง พร้อมอุปกรณ์แต่งสปอร์ตสีเหลือง เปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 มกราคมและส่งมอบให้กับลูกค้าภายในเดือนนี้

    ORA

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts