เปิดตัวให้ขาซิ่งทั่วโลกได้รู้จักตัวตนแห่งความเร้าใจกับ Subaru Levorg หรือ Subaru WRX Wagon โดยเป็นรุ่นเด่นของค่ายซูบี้มานานตั้งแต่เจนที่หนึ่ง
จนมาถึงเจนที่สองเปิดตัวมาสามปีล่าสุด Subaru Levorg หรือ Subaru WRX Wagon กำลังจะมีเพื่อนใหม่ที่จะมากอดคอขายคู่กันในอีกไม่ช้ากับ Subaru Levorg Layback
โดย Subaru เล่นโชว์ดักคอเผยภาพทีเซอร์แรกของเวอร์ลุยออกมาเรียกน้ำย่อยด้วยการนำพื้นฐานตัวเตี้ยของรุ่น Levorg หรือ WRX Wagon จับยกสูงตกแต่งลุยทั้งคันคล้ายพี่ใหญ่ Subaru Outback ตั้งแต่
- กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมดีไซน์บ่งบอกตัวตน ไฟหน้า LED พร้อมไฟ Daytime แบบ LED horizontal
- กันชนหน้าทรงดุพร้อมไฟตัดหมอกหน้าและไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
- สคูปดักลมแบบ Built-In เข้ารูปสวยงามกลมกลืนกับฝากระโปรงหน้าอย่างเด่นชัด
- ชุดคิ้วขอบล้อสีดำทรงเหลี่ยม ล้ออัลลอยลายเข้มคาดว่ามาในแบบ 18 นิ้ว พร้อมยางซีรีส์แก้มสูงสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ
- ราวหลังคา
- ไฟท้าย LED และประตูท้ายไฟฟ้าเพิ่มความสบายในการขนของ
ภายในเหมือนกับ Subaru Levorg หรือ Subaru WRX Wagon รุ่นปกติทั้ง
- จอสัมผัสแนวตั้งขนาด 11.6 นิ้วแบบ tablet-style infotainment display
- ระบบเสียงรอบคัน 6 กับ 10 ลำโพง
- มาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์ท้ายตัดหุ้มหนัง
- เบาะนั่งหุ้มกึ่งหนังแท้ เบาะหลังสามารถพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนของแบบ 40:20:40 พร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายมากถึง 561 ลิตร
ขุมพลังยังไม่ระบุแน่ชัดแต่เป็นไปได้ว่าจะยกมาจากเวอร์ชันปกติกับเบนซินเทอร์โบ Boxer 2 ขนาดตั้งแต่
- เบนซินเทอร์โบ 2.4 ลิตร รหัส FA24F ให้กำลังสูงถึง 275 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 2,000 -5,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT Subaru Performance Transmission
- เบนซินเทอร์โบ Boxer 1.8 ลิตร DIT รหัส CB18 ให้กำลังสูงถึง 177 แรงม้าที่ 5,200-5,600 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 1,600-3,600 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT
- ทั้งสองความแรงจับคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเลื่องชื่ออย่าง Symmetrical All-Wheel Drive พร้อมระบบ Active Torque Vectoring ช่วยให้ออกโค้งเข้าโค้งได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจ
Subaru Levorg Layback จะเปิดตัวในวันที่ 7 กันยายนในรูปแบบเปิดรับจองล่วงหน้าหรือ Pre-Order ก่อนจะขายจริงเร็วๆนี้โดยประเดิมตลาดญี่ปุ่น ส่วนตลาดส่งออกในชื่อ Subaru Layback นั้นจะตามมาด้วยหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา Carwatch