More

    Toyota Century 2024 อัลตร้าลักชัวรีเอสยูวีแดนปลาดิบ

    ครั้งแรกในรอบ 56 ปี ที่ Toyota Century เปิดตัวทางเลือกใหมตอบโจทยผู้บริหาร ผู้นำคนสำคัญและเหล่าเซเลปกับเอสยวีสายหรูในเวอร์ชันอัลตราเอสยูวี

    Toyota Century

    Toyota Century เวอร์ชันอัลตราเอสยูวีเผยภายนอกที่มีเอกลักษณ์ที่ตราตรึงใจจากเวอร์ชันซีดานมาสู่เวอร์ชันเอสยูวีกับตราสัญลักษณ์นก Phoenix หรือนกกระเรียนติดลงบนกระจังหน้าลายรังผึ้งสำหรับตราสัญลักษณ์นั้นออกแบบด้วยวิธีการขัดผิวและแกะสลักอย่างประณีตกันขนหน้าดีไซน์เรียบง่ายพร้อมช่องระบายอากาศ ไฟหน้าแบบ LED 4 ดวง พร้อมไฟหน้า LED DRL ล้อมไฟหน้ารูปตัว C คาดกลางด้วยเส้นสีเดียวกับตัวรถ ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบวิ่ง Sequential คิ้วโครเมียมที่กรอบกระจก กระจกรถมาแบบสไตล์โอเปรา กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยวทรงสง่า ราวหลังคาสีเงินทอดยาวมาถึงท้ายรถพร้อม ไฟท้าย LED  4 ดวงเช่นเดียวกับด้านหน้ามีตราสัญลักษณ์นก Phoenix และตราตัวอักษร Century แบบเว้นช่องอยู่ด้านบน ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED ติดบนกระจกหลัง กันชนหลังทรงเรียบง่ายพร้อมไฟถอยหลังใต้ทะเบียนรถ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า power tailgate ล้ออัลลอยลายหรูติดตรา Phoenix ตั้งแต่ขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 255/55R20 และขนาด 22 นิ้วพร้อมยาง 255/45R22

    ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน TNGA-K แบบเดียวกันกับ Toyota Grand Highlander และ Lexus TX มีความยาว 5,205 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,990 มิลลิเมตร ความสูง 1,805 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 185 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร

    Toyota

    ภายในบรรจงอย่างพิถีพิถันนั่งได้สี่ที่นั่งที่เลือกโทนสีได้ถึงสามสีทั้ง สีน้ำตาล, สีเบจและสีดำ พิเศษกับการตกแต่งเบาะนั่งตอนที่สองแบบ VIP Captain Seat หุ้มด้วยวัสดุหนังแท้แยกอิสระปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า เบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet 5.5 นิ้วพร้อมที่ท้าวแขนขนาดใหญ่เชื่อมติดหลังจอแท็บเล็ตพร้อมตู้แช่เย็นข้างเบาะทั้งสองมีจอแทบเล็ตขนาดใหญ่ 11.6 นิ้วติดหลังเบาะนั่งหน้าสองฝั่ง คั่นกลางด้วย คอนโซลหลังแนวตั้งที่มีช่องแอร์กับนาฬิกาอนาล็อก

    Toyota

    เข้าออกสบายสุดด้วยประตูคู่หลังที่กางออกได้สูงสุด 75 องศา เสิรฟ์ความสบายอีกขั้นด้วยบันไดข้างไฟฟ้าทำงานสัมพันธ์กับการเปิดประตูเมื่อเปิดบันไดข้างก็จะยื่นออกมาทันทีและเก็บเข้าที่เมื่อปิดประตูรถ พร้อมที่จับมือขนาดใหญ่บนเสา B มีไฟสร้างบรรยากาศ LED illumination เส้นแนวยาวปรับได้ถึง 64 สี พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับอ่านหนังสือด้านหลัง LED หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ มีกระจกแบบ Privacy Glass กันการมองเห็นจากภายนอกได้

    คอนโซลหน้าแผงสวยงามด้วยแผงสีเงินขนาดใหญ่ด้านคนนั่งผสานกับ จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับความบันเทิง Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto และมีมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว อยู่ในระดับเดียวกัน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน กับลำโพงคุณภาพ 18 จุดรอบคันจาก ZYLON ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ระบบอุ่นเบาะ กระจกมองหลังแบบดิจิตอลไร้กรอบและช่องเสียบปลั๊ก 1,500W ช่องเสียบ USB-C และช่องต่อ HDMI

    Toyota

    ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยเบนซินปลั๊กอินไฮบริดกับรหัส 2GR-FXS ความจุ 3.5 ลิตร V6 พร้อมระบบฉีดน้ำมันแบบ D-4S ให้กำลังสูงสุด 262 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 5NM ให้กำลัง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 1YM ให้กำลัง 109 แรงม้า แรงบิด 169 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ที่มีความจุ 51 Ah เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวมสูงสุด 412 แรงม้า

    สามารถวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าเพียง 69 กิโลเมตร/ชาร์จหนึ่งครั้ง และชาร์จแบบกระแสสลับ AC ได้นานถึง 3.30 ชั่วโมง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four Advanced พร้อมโหมดการขับขี่ห้าโหมดทั้ง Normal, Eco, Sport, Rear Comfort และ Custom พร้อมระบบเลี้ยว 4 ล้อ Dynamic Rear Steering ขับขี่คล่องตัวที่ความเร็วต่ำและควบคุมที่ราบรื่นในช่วงความเร็วปานกลางถึงความเร็วสูง นอกจากนั้นยังมีโหมดการขับขี่ Rear Comfort มอบความสบายสูงสุดให้ผู้โดยสารตอนหลัง และควบคุมการเบรกรถเมื่อขณะรถหยุดนิ่งและความปลอดภัย Toyota Safety Sense

    Toyota

    Toyota

    Toyota Century เวอร์ชันอัลตราเอสยูวีตั้งยอดขายที่ญี่ปุ่นเพียง 30 คันต่อเดือนประกอบที่โรงงานในเมือง ทาฮาระจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เปิดราคาไว้ที่ 25,000,000 Yen หรือราว 6,025,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้านำเข้ามาราคารวมภาษีจะอยู่ที่ 25,800,000 บาท มีสีภายนอกให้เลือกทั้งแบบโมโนโทนและทูโทนทั้งหมด 7 สี

    Toyota

    ส่วนเวอร์ซีดานใหญ่ยังจำหน่ายควบคู่กันด้วยพลังเบนซิน V8 ขนาด 5.0 ลิตร รุ่น 2UR-FSE พร้อมระบบฉีดน้ำมันแบบ D-4พร้อมระบบ Hybrid แบบ “THS II” กำลังสูงสุด 381 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 510 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่แบบ Nickel hydride ให้กำลังมากสุด 224 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 431 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง NORMAL/ECO/SPORT S/SPORT S+ ในราคา 20,080,000 Yen หรือราว 4,835,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้านำเข้ามาราคารวมภาษีจะอยู่ที่ 20,695,000 บาท

    ที่มา Toyota และ Carexprt

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts