เปิดตัวมานานสำหรับ Toyota Sienna ไจแอนท์เอ็มพีวีทำตลาดมาถึงเจเนอเรชันที่ 4 จนกลายเป็นขวัญใจพ่อบ้านชาวอเมริกาและชาวจีนมากว่า 26 ปี
ที่อเมริกามีการเปิดตัวรุ่น MY2024 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาหน้าตาเดิมๆแบบเดียวกับตอนเปิดตัวใหม่ๆหรูหราตั้งแต่กันชนหน้าและหลังทรงสปอร์ต ไฟหน้า LED กระจังหน้าทรงล้ำอนาคตพร้อมโลโก้สามห่วงพื้นหลังสีน้ำเงินเพื่อสื่อว่าคันนี้คือรุ่น Hybrid ประตสไลด์และประตูท้ายเปิดด้วยระบบไฟฟ้า ไฟท้าย LED กับชื่อรุ่น Sienna แบบแยกอักษรมองเด่นชัด ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 235/65R17 ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60R18 และใหญ่สุดขนาด 20 นิ้วพร้อมยางขนาด 235/50R20
มิติตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 5,180 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,990 มิลลิเมตร ความสูง 1,780 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,060 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 161 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,091-2,120 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 68 ลิตร จากแพลตฟอร์ม TNGA-K Platform
ภายในครบครันทั้งคอนโซลหน้าออกแบบสไตล์ Bridge Console สำหรับสร้างความเป็นส่วนตัวแก่ผู้ขับและผู้โดยสารที่เบาะหน้า รวมไปถึงมีความสบายในการนั่งเบาะแถวที่ 2 ด้วย Super Long Slide ที่สามารถเลื่อนเบาะได้ถึง 25 มิลลิเมตร สำหรับการเพิ่มพื้นที่ เบาะนั่งคู่หน้าปรับอุ่นเบาะได้ พร้อมปรับไฟฟ้าในด้านคนขับได้ 8 ทิศทาง ให้เลือกทั้งแบบ 7 กับ 8 ที่นั่ง มาตรวัดเรืองแสงขนาดใหญ่พร้อมจอ MID 4.2 และ 7 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้วรองรับ Apple CarPlay Android Auto พร้อมลำโพง 8 กับ 12 จุด กำลังขับ 1200W จาก JBL คุณภาพเสียงชั้นยอด
จอเพดานความชัดแบบ HD ขนาด 11.6 นิ้วพร้อมช่องเสียบ HDMI และหูฟังไร้สายสองชุด มีช่อง USB และชาร์จไฟทั้งหมด 7 จุดรอบคัน หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟและที่ขาดไม่ได้เลยคือ HUD head-up display ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านปรับได้ 4 ทิศทางแบบไฟฟ้า และที่ชาร์จมือถือไร้สาย
มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ Hybrid-HEV ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบเรียง จคู่ทำงานพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ลูก และจะเพิ่มเป็น 3 ลูกในรุ่น AWD แบบ Dynamic Force Engine Hybrid รหัส A25A-FXS ให้กำลังถึง 192 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 238 นิวตันเมตรที่ 4,200-4,600 รอบต่อนาที จากเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า-หลังแบบ 5NM และแบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal โดยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลังถึง 182 แรงม้าสำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า
รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบ Electronic On-Demand เพิ่มกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 54 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังมากถึง 249 แรงม้าจับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT มีโหมดการขับขี่ได้ 4 รูปแบบคือ EV, Normal, Eco และ Sport โดยเฉพาะในโหมด Sport ที่ทางโตโยต้าบอกว่า ระบบจะปลดล็อกระบบ Hybrid ให้ทำงานอย่างเต็มที่
มีระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 2.0 เป็นออปชันมาตรฐาน ที่มีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic emergency braking), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบ stop-and-go (Adaptive cruise control with stop-and-go), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมดึงพวงมาลัยกลับ (Lane departure alert with steering assist), ระบบอ่านสัญญาณจราจร (Road sign assist) และระบบไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic high beams)
เบื่องต้น Toyota Sienna MY2024 เปิดขายแล้วที่อเมริกาทั้งหมดตั้งแต่รุ่น LE, XLE, XSE, Limited, Platinum และ Woodland Edition ทั้งหมด 12 รุ่นย่อยในราคาเริ่มต้น 37,185-52,645 USD หรือราว 1,289,000-1,819,000 บาท
ที่มา Toyota USA
