หลังจากที่ Mazda อัปเกรดกลุ่มรถยนต์เอสยูวีเน้นไปแนวหรูถูกใจสาวกเป็นจำนวนมากจนกลุ่มรถยนต์นั่งกลับไม่มีความเคลื่อนไหวอย่างเช่น Mazda 2
และจากการหยุดขายเก๋งใหญ่อย่าง Mazda 6 ไป รุ่นอื่นๆอย่าง Mazda 3 และ Mazda 2 ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่ขะตากรรมว่าจะอยู่หรือไปยังลากขายจนหยุดขายสิ้นโมเดลกันไปแต่ว่าค่ายรถเมืองฮิโรชิมา เดินหน้าต่อไปกับการพัฒนา Mazda 2 เจเนอเรชันที่ห้าที่ยังคงมีแนวทางการออกแบบ KODO Design รูปแบบใหม่ตั้งแต่ กระจังหน้า Signature Wing ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และปรับระดับแบบอัตโนมัติ
กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวไฟท้าย LED เสาอากาศครีบฉลาม ปลายท่อไอเสียขัดเงา ล้ออัลลอยลายใหม่ตั้งแต่ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15 และขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 185/60 R16 พร้อมขนาดใหญ่ 17 นิ้ว ด้วยเส้นสายการออกแบบที่อาจต่างจากเดิม
ภายในมาพร้อมออปชันทันสมัยทั้งเบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้าทำงานร่วมกับระบบบันทึกความจำ 2 ตำแหน่ง พนักพิงเบาะด้านหลังสามารถแยกปรับและพับแบบ 60:40 ระบบความบันเทิง Mazda Connect รองรับ Apple Carplay และ Android Auto บนจอสัมผัสขนาดใหญ่ มีที่ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อม Paddle Shift กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) พร้อม Push Start ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้าหรือ Head Up Display และกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
ขุมพลังเบนซินขนาดใหญ่ 1.5 ลิตร SKYACTIV-G รหัส P5-VPS ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 144 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาทีในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด SKYACTIV-MT และ 110 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE พร้อมโหมด ACTIVEMATIC
ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D รหัส S5-DPTS 1.5 ลิตร 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 สปีดและแรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา SKYACTIV-MT 6 สปีด
ซึ่งขุมพลังที่กล่าวมานั้นจะพัฒนาใหม่ทั้งแรงม้าและแรงบิดรวมถึงเบนซินจะทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid 48 V พร้อมเครื่องใหม่ SKYACTIV-X 1.5 3 สูบ ส่วนขุมพลังโรตารีต้องดูท่าที่ของ Mazda จะมาประจำการด้วยหรือไม่ถ้ามาอาจใช้เทคโนโลยีเดียวกันที่อยู่ใน Mazda MX-30 Rotary EV แบบ Plug In Hybrid โดยเครื่องยนต์โรตารีร 830cc (ประเภท 8C) ใช้เป็นเครื่องปั่นไฟและให้มอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ใช้ในการขับเคลื่อนเกิดประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมและสมรรถนะการขับขี่ที่ดี
พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ช่วยให้ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังลงล้อ ส่งผลให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่นและความปลอดภัย i-ACTIVESENSE ครบครัน เบื่องต้นการเปิดตัว Mazda 2 เจนใหม่จะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา Response