More

    2025 Mazda CX-70 สายหรู 5 ที่นั่งพื้นฐาน CX-90 ขายแดนมะกัน

    ในที่สุด Mazda เปิดตัวเอสยูวีรุ่นใหม่นั่นคือ Mazda CX-70 สุดหล่อสายหรูที่จะเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอให้ครบครันตรงความต้องการ

    Mazda

     

    จะว่าไปแล้วรุ่นนี้เป็นการนำพื้นฐานทั้งหมดของ Mazda CX-90 มาปรับตัวตนลดความหรูหราของชุดโครเมียมออกไปเน้นของดำทั้งคันปรับสไตล์เล็กน้อยเริ่มที่กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงไส้ในแบบเกล็ดรังผึ้งจากเดิมเป็นแบบตารางสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดพร้อมขอบกระจังหน้าสีดำ กันชนหน้าออกแบบใหม่มีช่องเกล็ดรังผึ้งสองฝั่งพร้อมช่องระบายอากาศ ชุดบังโคลนพร้อมดีไซน์ออกแบบด้วยชุดรังผึ้งส่วนล่างเป็นคิ้วสีดำปักชื่อ INLINE 6 กระจกมองข้างทรงสปูน ราวหลังคา ตกแต่งสีดำ และคิ้วขอบล้อสีดำ พร้อมตราสัญลักษณ์ e-SKYACTIV PHEV กับ ตรา e-SKYACTIV ท้ายรถ และล้ออัลลอยขนาดใหญ่เลือกได้สองขนาดตั้งแต่ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 265/55R19 และใหญ่สุด 21 นิ้ว พร้อมยาง 275/45R21 และไฟหน้า Projector แบบ LED ไฟท้าย LED Signature ดวงเดียวกับรุ่น CX-90

    Mazda

    ภายในเหมือนกับ Mazda CX-90 เกือบทุกอย่างยกเว้นตัดเบาะหลังตอนสามออกไป พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกตั้งแต่ มาตรวัดดิจิทัล TFT-LCD ทั้งขนาด 7 นิ้วกับ  12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.25 และ 12.3 นิ้ว แบบ See-Though View รองรับการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play และ Android Auto ผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ช่องเสียบ USB Type-C ลำโพงมาตรฐาน 8 จุด และเกรดพรีเมียมจาก Bose มากถึง 12 จุด จอแสดงการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Windshield Active Driving Display ขนาดใหญ่กว่าถึง 3 เท่า เครื่องปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิสามโซน Three-Zone Climate Control พร้อมแอร์หลัง ที่ชาร์จมือถือไร้สาย เบาะนั่ง 5 ที่นั่งพร้อมพื้นที่การขนของมากขึ้นด้วยเบาะนั่งหลังพับได้แบบ 60/40 และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน

    ขุมพลังมีตั้งแต่เบนซินล้วน e-SKYACTIV G Turbocharged Mild Hybrid 48V ขนาด 3.3 ลิตร 6 สูบ ให้กำลัง 333 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที และดีเซลล้วน e-SKYACTIV D Turbocharged Mild Hybrid 48V 3.3 ลิตร 6 สูบ ให้กำลัง 254 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที ทั้งสองขนาดมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดเล็กสุด มีความจุ 0.33 kW

    ยกเว้นที่ออสเตรเลียจะไม่ขายรุ่นเบนซิน e-SKYACTIV PHEV ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร 4 สูบ รหัส PY-VPS 192 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 261 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาทีทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 175 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ลิเธียมไออนที่มีความจุ 17.8 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 61-63 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และทำงานร่วมกันจะได้พลังมากถึง 327 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาทีแต่จะไปประจำการในรุ่น CX-90 PHEV ที่จะเปิดตัวออสซี่ปลายปีนี้

    ทุกขนาดเครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังสำหรับตลาดอเมริกา และแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ AWD คู่กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 8 สปีด ที่มีโหมดการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) 5 โหมดได้แก่ Namely Normal, Sport, Off-Road, Towing และ EV และมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control Plus (GVC-Plus) ช่วยให้ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์ ส่งผลให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่น

    ความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE พร้อมระบบที่ช่วยควบคุมความเร็ว พวงมาลัย เพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสม Cruising & Traffic Support (CTS) และฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆทั้ง ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) พร้อมฟังก์ชัน STOP&GO ตรวจจับสัญญาณจราจร Traffic Sign Recognition (TSR), เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System (FOW), ช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะขับขี่ปกติ Smart Brake Support (SBS) with Turn-across traffic, ช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)

    เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System), ช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert), เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring), แจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตู (Exit Warning Function), เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)

    Mazda

    Mazda

    กล้องรอบคัน 360 องศา (360 ̊ View Monitor) พร้อมเซนเซอร์กะระยะด้านหน้า-หลัง 4 จุด สัญญาณไฟกะพริบเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกรถอย่างกะทันหัน ESS (EMERGENCY SIGNAL SYSTEM) ถุงลงนิรภัยรอบคัน 10 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า 2 จุด ด้านข้าง 4 จุด ม่านถุงลมนิรภัย 2 จุด ใต้เข่าคนขับ 1 จุด และคั่นกลางเบาะคู่หน้า 1 จุด ช่วยควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control), ช่วยในการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist) ช่วยป้องกันรถเลื่อนไถล TCS (Traction Control System) ระบบควบคุมการเปิดปิดกระจกไฟฟ้าและกระจกมองข้างพับอัตโนมัติหลังล็อกรถ

    Mazda CX-70 เปิดตัวที่สหรัฐอเมริกาจะขายภายในปี 2024 และมีเวอร์ชันพวงมาลัยขวาสำหรับ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เหมือนกับรุ่น CX-90 โดยเปิดตัวที่นั่นภายในสิ้นปี 2024

    ที่มา Carexpert

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts