เกือบ 20 ปี ที่เจ้าก็อตซิล่าอย่าง Nissan GT-R R35 รับใช้สาวกมายาวนานจนขึ้นหิ้งเป็นซูเปอร์คาร์ระดับมาสเตอร์พีชที่ยังคงความจัดจ้านไม่เป็นรองใคร
ล่าสุด นิสสัน เปิดสเปกและเปิดราคา Nissan GT-R MY2025 ในร่างเจนที่ 6 ที่ด้วยการเพิ่มสีใหม่ “Blue Heaven” นอกนั้นหน้าตาเดิมหน้าที่สามที่เปิดไปตั้งแต่ปีกลายเริ่มที่ด้านหน้ากระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมลาทีความเป็นรูปตัววี ไส้ในมีแนวตั้งซ้าย-ขวาลากมาถึงส่วนล่าง ประดับความดุดัน
พร้อมตรา GT-R ประกบกับไฟหน้า LED ซ่อนฟังก์ชันปรับความสูงของไฟหน้าแบบ AFS เอาไว้ กันชนหน้าออกแบบให้ช่องระบายอากาศมีขนาดใหญ่แบบรังผึ้งพร้อมเส้นแนวตั้งซ้าย-ขวาตำแหน่งเดียวกับส่วนบนของกระจังหน้าติดตั้งลิ้นสปอยเลอร์ใหม่เรียบเนียนกับชุดกันชนหน้า พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ทรงหกเหลี่ยมแนวนอน
ด้านท้ายเริ่มที่กันชนหลังดูเหลี่ยมมีสันขึ้น ออกแบบลิ้นสปอยเลอร์หลังพร้อมช่องระบายอากาศหลังกับท่อไอเสียกลมไทเทเนียม คู่ สองฝั่ง สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก LED ในตัว ดีไซน์เด่นทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ไฟท้าย LED ทรงโดนัทเอกลักษณ์เด่น ล้ออัลลอยลายเดิม RAYS สีบรอนซ์ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต ขนาด 255/40ZRF20 สำหรับล้อหน้า และ 285/35ZRF20 สำหรับล้อหลัง
รุ่น NISMO เทคโนโลยีจากรถแข่งปรับปรุงแอโรไดนามิก ช่วงล่าง และเพิ่มลิมิเต็มสลิปบริเวณที่เฟืองตัวหน้า ในรุ่นNISMO Special edition ใช้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่น้ำหนักแม่นยำสูง เช่น แหวนลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง และฝากระโปรงหน้าทำจากคาร์บอนพิเศษเฉพาะของ NISMO เคลือบใส (พร้อมท่อระบายอากาศ NACA ที่ฝากระโปรง) และการตกแต่งที่พิเศษกว่าเร้าใจกว่า
ภายในมาพร้อมโทนสีใหม่ สีน้ำเงินแบบพิเศษจากเดิมมี สีเทา Urban Grey สีแดง Amber Red และ สีดำ Samurai Blackรุ่น GT-R NISMO ได้เบาะนั่งแบบบัคเก็ตซีทตกแต่งลายคาร์บอนใหม่จาก Recaro นอกนั้นคงเดิมตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าออกแบบให้เชื่อมต่อกันกับแนวเส้นบนที่ยาวต่อเนื่องจนถึงแผงคอนโซลกลางระบบนำทางในชุดจอสัมผัส 8 นิ้ว แบบ Display Command Console ติดตั้งอยู่ตรงแผงคอนโซลกลาง พร้อมลำโพงคุณภาพ BOSE มากถึง 11 จุด
ลดจำนวนสวิตช์เหลือเพียง 11 ปุ่ม เพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น พร้อมการตกแต่งเบาะนั่งหนังแท้ที่ต่างกันเข่นเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังกลับ ภายในหลังคาใช้วัสดุ Alcantara และสัญลักษณ์ T-spec บริเวณคอนโซล รุ่น Premium ใช้หนัง NAPPA ชั้นดี ตัดเย็บด้วยความประณีต
ขุมพลังคงเดิมกับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V6 3.8 ลิตร VR38DETT 570 แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาที แรงบิดมากสุด 637นิวตันเมตรที่ 3,300-5,800 รอบต่อนาที
ส่วนรุ่น NISMO และ NISMO Special Edition ปรับกำลังมากขึ้นจาก NISMO เป็น 600 แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาที แรงบิดมากสุด 652 นิวตันเมตรที่ 3,600-5,600 รอบต่อนาที เร้าใจมากขึ้นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อมระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ GR6 6 สปีด เมื่ออยู่ในโหมด R-Mode สามารถเปลี่ยนเกียร์ในเวลา 0.15 วินาที พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้าตามความเร็วรถ
รุ่น Pure Edition, Black Edition , Premium Edition, Track Edition engineered by NISMO ปรับแอโรไดนามิกยกระดับคุณภาพการขับขี่ให้ดีขึ้น ปรับปรุงการเก็บเสียงและแรงสั่นสะเทือนให้เข้ามาภายในห้องโดยสารน้อยลง ส่วนรุ่น T-Spec ทั้ง Premium Edition และ Track Edition engineered by NISMO ออกแบบฝาครอบเครื่องยนต์พิเศษสีทองและยังปรับปรุงสมรรถนะ ด้วยเบรกคาร์บอนเซรามิก ช่วงล่างแบบพิเศษ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและตอบสนองดีเยี่ยม
นอกจากนี้ในรุ่น Track Edition engineered by NISMO ที่ไม่ใช่ T-Spec มาพร้อมการปรับรายละเอียดบางอย่าง เช่น ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ปรับปรุงการตอบสนองและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ทั้ง แหวนลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ฯลฯ ตัวเครื่องจะสลักชื่อช่างทาคูมิเป็นตัวอักษรสีแดง เพลทหมายเลขรุ่นสลักป้ายแบบอะลูมิเนียมสีทองในบริเวณภายในห้องเครื่อง
ความปลอดภัยมาครบทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุดทั้งคู่หน้า ด้านข้างและม่านนิรภัย ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC ป้องกันการลื่นไถล ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS เบรก ABS + EBD + BA กล้องมองหลัง พร้อมเซนเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง และตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS
กำหนดวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน ค่าตัวอยู่ที่ 14,443,000 – 22,891,000 YEN หรือราว 3,489,000-5,529,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย แต่ถ้ามาขายไทยราคารวมภาษีอยู่ที่ 14,933,000-23,665,000 บาท
รุ่น NISMO ตัวแรงจะเริ่มที่ 30,085,000 -30,613,000 YEN หรือราว 7,263,000-7,391,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้ามาขายไทยราคารวมภาษีอยู่ที่ 31,086,000-31,634,000 บาท
