ในบูธรถยนต์ Nissan ที่งาน Bangkok Motor Show 2023 ที่นอกจากจะมีรถใหม่ถึง 2 รุ่น ทั้ง Nissan Kicks e-Power MY2023 และ Nissan Terra Sport
มีรถใหม่อีกหนึ่งรุ่นที่มาโชว์แต่ว่าทาง Nissan เองประกาศไว้ที่กระจกหน้ารถว่ารถคันนี้ไม่ได้จำหน่ายในไทยแค่นำมาจัดแสดงโชว์เฉยๆ นั่นก็คือ Nissan LEAF เจนที่สองที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 และเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ Model Year ตั้งแต่ปีกลาย
Nissan LEAF ปรับในส่วนหน้าตาบนเรือนร่างเดิมเหมือนสเปคยุโรปและสหรัฐฯ เน้นความสปอร์ตตั้งแต่กระจังหน้า V-Motion สีดำเข้มพร้อมโลโก้ Nissan ใหม่ แทนแบบเดิมที่เป็นโครเมียม ล้ออัลลอยลายใหม่สีเข้มขอบเงินห้าก้านขนาดใหญ่ทั้งขนาด16 นิ้ว พร้อมยาง 205/55R16 และขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50R17 ด้านท้ายออกแบบใหม่พร้อมโลโก้ Nissan ใหม่ และออปชันเดิมทั้ง ไฟหน้า Projector คู่ทรงบูมเมอแรงแต่เรียวขึ้นและไฟท้ายขาวแดงทรงเข้ม
ภายในมาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว พร้อม Nissan Connect ระบบความบันเทิง เชื่อมต่อ WIFI รองรับ Android Auto และ Apple Car Play พร้อมเชื่อมต่อ WIFI มาตรวัดวามเร็วรถแบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติทั้งแบบ Single Zone และ Dual Zone เสริมฟีเจอร์หลัก ๆ เช่น เทคโนโลยี Safety Shield มาตรวัดพลังงาน ฟังก์ชันเสียง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด สบายด้วยด้านท้ายมีพื้นที่สัมภาระมากถึง 435 ลิตร
ขุมพลังไฟฟ้ายังคงเดิมกับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส EM57 ที่มีสองความแรงตั้งแต่ ความจุแบตเตอรี่ Li-ion battery 40 kWh 150 แรงม้า ที่ 3,283-9,795 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 0-3,283 รอบ/นาที สามารถวิ่งไกลสุด 270 กม./ การชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP) และแรงสุดกับขุมพลังไฟฟ้าที่มีความจุแบตเตอรี่ Li-ion battery ขนาด 60 kWh 218 แรงม้าที่ 4,600-5,800 รอบ/นาที แรงบิด 340 นิวตันเมตรที่ 500-4,000 รอบ/นาที สามารถวิ่งไกลสุด 385 กม./ การชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP)
เพิ่มกำลังในการชาร์จมากถึง 100 kW ในรุ่น 60kWh จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ยังชาร์จได้ตามใจชอบตั้งแต่ชาร์จปกติ AC แบบ 8 ชั่วโมง (6 kW) กับชาร์จแบบ 16 ชั่วโมง (3kW) เอาใจคนชอบรวดเร็วด้วยการชาร์จด่วน DC แบบ 40 นาที หรือ Quick Charging ชาร์จเร็วจะใช้เวลาน้อยกว่าเดิม
พร้อม ProPILOT หรือช่วยขับอัตโนมัติ ช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของตัวรถ เบรก และอัตราเร่ง ไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงควบคุมพวงมาลัย ควบคุมการเร่ง เบรก การเปลี่ยนเกียร์ และเบรกมือ เพื่อให้ตัวรถเข้าสู่ช่องจอดได้โดยอัตโนมัติหรือ ProPILOT Park กับเอกลักษณ์ที่ยังไม่ลืมกับ e-Pedal ที่รวมแป้นคันเร่ง และเบรกไว้ในแป้นเดียวเท่านั้น โดยเมื่อจะเบรกรถก็แค่เบรกให้อัตโนมัติ
โดยมาแสดงในส่วนการสาธิตให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่าเป็นยานพาหนะเพื่อการเดินทาง ตามแนวคิด Energy Share ของนิสสันแบบ V2H หรือ vehicle-to-home เป็นการใช้งานระบบชาร์จไฟสองทาง(Bi-directional charge) ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าจากรถยนต์สู่ระบบไฟฟ้าในบ้าน และสู่ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นประโยชน์จากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบอื่นแบบ V2G หรือ vehicle-to-grid
ซึ่งทาง Nissan ได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในการศึกษาโครงการแปลงพลังงานไฟฟ้าจากรถยนต์ไฟฟ้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า โดยผลการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสังคมในอนาคต ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV และขอย้ำอีกทีว่า Nissan LEAF ไม่ได้ขายในเมืองไทย