เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วที่งาน Goodwood Festival of Speed 2023 สำหรับ MG4 EV XPower หรือ MG4 Electric XPower ประเดิมขายที่อังกฤษ
ความแตกต่างของ MG4 EV หรือ MG4 Electric เวอร์ชันปกติกับเวอร์ชันโหด XPower นั่นก็คือชุดแต่งรอบคันตั้งแต่หลังคาดำกับตัวรถสีเขียว Racing Green ล้ออัลลอยเข้มสีดำทูโทนปัดเงาห้าก้านขนาด 18 นิ้วหุ้มยางแก้มเตี้ยขนาด 235/45R18 ของค่าย Bridgestone รุ่น Turanza T005 EV พร้อมคาลิปเปอร์เบรก “XPOWER” สีส้ม นอกนั้นคงเดิมทั้งไฟหน้า LED ดีไซน์หกเหลี่ยม พร้อมไฟ DRL แบบ LED กับกระจังหน้าดีไซน์ ‘shark-nosed’ เส้นแนวตั้ง 2 เส้น Fins รวมอยู่ในชุดกันชนหน้า คิ้วชายล่างประตูตกแต่งสีดำตัดกับลวดลายสีเงิน กระจกมองข้างทรงสปูน ไฟท้าย LED แนวตั้งพาดยาวครอบทั้งฝาท้ายพร้อมสปอยเลอร์หลังและกันชนหลังทรงสปอร์ตจากพื้นฐานแพลตฟอร์ม Modular Scalable Platform (MSP) ของ SAIC Motor
ภายในสปอร์ตกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านแบบท้ายตัด D-Shape จอสัมผัสแบบแท็บเล็ตขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay เชื่อมต่อระบบข้อมูลรถ i-Smart ได้บวกกับลำโพง 6 จุด มาตรวัดดิจิตอล 7 นิ้ว เบาะนั่งทรงสปอร์ตสีดำหุ้มหนัง Alcantara สีดำ ปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 6 ทิศทางและปรับธรรมดา 4 ทิศทาง คอนโซลเกียร์แบบปุ่มบิด เย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศดิจิตอล ที่วางชาร์จมือถือไร้สายที่วางแก้ว และพื้นที่ด้านหลังสำหรับวางสัมภาระที่จุมากขึ้นแบบ 60/40 เมื่อพับแล้วมีพื้นที่มากขึ้นถึง 1,165 ลิตร แต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 363 ลิตร และชุดแป้นคันเร่งและเบรกสีเงิน
ขุมพลังไฟฟ้าพัฒนาใหม่แรงขึ้น 435 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ความจุแบตเตอรี่ที่ใช้งานจริง 61.8 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้าให้กำลัง 204 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลังให้กำลัง 231 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. ชาร์จสองรูปแบบทั้งชาร์จข้า AC กำลังไฟสูงสุด 7 kW จาก 10-100% ทำได้ 5.1 ชม. ชาร์จเร็ว DC สองรูปแบบตั้งแต่กำลังไฟสูงสุด 50 kW จาก 10-80% ทำได้ 52 นาทีและ กำลังไฟสูงสุด 150 kW จาก 10-80% ทำได้ 35 นาที วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 385 กม. รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w
อัปเกรดเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้กระจายกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ขับขี่ในขณะเข้าโค้ง ซึ่งมีการติดตั้งระบบควบคุมการเข้าโค้งแบบไดนามิกใหม่ทั้งหมดเป็นครั้งแรกใน MG ที่มีการล็อคเฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์และการควบคุมมอเตอร์อัจฉริยะเพื่อให้สามารถส่งแรงบิดระหว่างล้อทั้งสี่ได้ ระบบนี้ได้รับการกล่าวขานว่าสร้าง “การยึดเกาะสูงสุดและความสงบที่ยอดเยี่ยม” ในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย แถมอัพเกรดช่วงล่างอิสระสี่ล้อใหม่เช่น ปรับเทียบสปริงและแดมเปอร์ใหม่ เหล็กกันโคลงที่แข็งขึ้น และการบังคับเลี้ยวที่เฉียบคมขึ้น ส่งผลให้ระบบกันสะเทือนโดยรวมแข็งขึ้น 25% ทีมวิศวกรยังได้ปรับเทียบซอฟต์แวร์การเบรกแบบใหม่เพื่อให้ใช้แป้นเหยียบเดียวในสถานการณ์ที่เหมาะสมพร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่มีจานระบายอากาศขนาด 345 มม.ทั้งสี่ล้อ
แฮทช์แบ็กอีวีทรงพลังอย่าง MG4 EV XPower หรือ MG4 Electric XPower เปิดขายแล้วที่อังกฤษในราคาเริ่มต้น 36,495 ปอนด์อังกฤษหรือราว 1,659,000 บาท
ที่มา Autocar