Mercedes-Benz บุกตลาดรถอีวีหรูเต็มรูปแบบหลังประสบความสำเร็จจาก EQS และ EQB ครั้งนี้เติมพอร์ตอีวีต่อเนื่องส่งรุ่นใหม่สองรุ่นจากตระกูล EQE
Mercedes-Benz EQE ที่มาไทยครั้งนี้ถึงสองตัวถังเริ่มกันที่เวอร์ชันเก๋งทรงสปอร์ตอย่าง Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ สมรรถนะสูงจากตระกูล AMG รุ่นแรกในประเทศไทยโดยพัฒนาต่อยอดมาจาก Mercedes-Benz EQE ตอบสนองการขับขี่และมีพละกำลังที่เป็นไปตามแบบฉบับของรถยนต์ Mercedes-AMG ที่ใช้ในสนามแข่งอย่างแท้จริง
เก๋งซีดานสไตล์ Fastback ขนาดกลางระดับหรูหรือ Mid-Size ที่ย่อส่วนความหรูมาจากรุ่นพี่ The EQS โดดเด่นด้วยชุดแต่ง AMG Exterior Package เน้นตกแต่งอย่างหรูหราด้วยวัสดุสีดำ High-gloss มาพร้อมกับกระจังหน้าสีดำรูปแบบเฉพาะของ AMG และกันชนแบบสปอร์ต ติดตั้งไฟหน้า DIGITAL LIGHT แบบ ULTRA RANGE Highbeam ที่ส่องสว่างไกลกว่า 600 เมตร ด้านบนเป็นหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Panoramic sliding sunroof) ด้านล่างติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว แบบ AMG Y-Spoke wheel 265/40R21 และยางหลัง 295/35R21 เป็นยาง Michelin Pilot Sport EV ติดตั้งสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มแรงกดด้านหลัง
ตัวรถมาในรหัส V295 สร้างจากแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz EVA platform แพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยมีความยาว 4,995 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,906 มิลลิเมตร ความสูง 1,513 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,120 มิลลิเมตร และน้ำหนักรถ 2,525 กิโลกรัม
ปรับตัวตนให้เป็นรถแรงเต็มสูตรด้วยเบาะนั่งแบบ AMG Sport Seats ที่มีลวดลายเฉพาะรุ่น AMG พร้อมพวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel หุ้มหนัง Nappa ช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างคล่องแคล่วและสะดวกสบาย หน้าจอแสดงผลบริเวณแผงคอนโซลกลาง MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย หน้าจอ OLED ตรงกลางขนาด 17.7 นิ้ว ฝั่งซ้าย 12.3 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า หน้าจอ LED แสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ โดยสามารถแสดงผลในโหมด AMG ได้โดยเฉพาะ พร้อมจอแสดงผลแบบ Head-up Display และยังมี AMG Track Pace ให้ผู้ขับขี่สามารถวัดสมรรถนะความเร็วของรถยนต์ พร้อมวิเคราะห์การขับขี่จากการประเมินส่วนบุคคลได้
อีกทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย อาทิ ระบบนำทาง MBUX augmented reality ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC 4 โซน ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และระบบชาร์จไร้สายสำหรับที่นั่งด้านหน้า ปิดท้ายด้วยระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system และเทคโนโลยี Dolby Atmos® ที่พร้อมมอบความบันเทิงสูงสุดตลอดการขับขี่
นอกจากนี้ยังมีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์อย่าง AMG SOUND EXPERIENCE ให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้าอันทรงพลัง ทั้งใน RACE START และระหว่าง Dynamic Curve Sections โดยการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างลำโพงรูปแบบพิเศษ เครื่องสั่น และเครื่องกำเนิดเสียง ที่จะช่วยให้ถ่ายทอดพลังเสียงออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดและปรับระดับความดังให้เข้ากับสถานการณ์การขับขี่ได้ และสามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Balanced, Sport และ Powerful ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG
ความพิเศษของรถยนต์คันนี้คือการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงรุ่นใหม่ล่าสุดแบบ Ultra-lightweight high-performance battery ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Mercedes-AMG ที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาก (Affalterbach) ประเทศเยอรมนี และนำมาพัฒนาร่วมกับเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าจากรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน FORMULA 1® ของทีม Mercedes-AMG Petronas F1 ส่งผลให้ Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ มีการตอบสนองการขับขี่และมีพละกำลังที่เป็นไปตามแบบฉบับของรถยนต์ Mercedes-AMG ที่ใช้ในสนามแข่งอย่างแท้จริงด้วยขุมพลังไฟฟ้ามา
ด้วยความจุแบตเตอรี่ 90.56 kWh เป็นแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) 328V อัพความแรงมากถึง 625 แรงม้า แรงบิด 950 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 526 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP
รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) ผ่าน On-board Charger รองรับสูงสุด 22 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 4 ชั่วโมง 45 นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ทั้ง โหมด Slippery (50% Output) Comfort (80% Output) Sport (90% Output) Sport+ (100% Output) และ RACE START (100% Output) แถมมีฟังก์ชัน Eco Charging
ทำงานผสานกับระบบกันสะเทือนและช่วงล่างแบบ AMG RIDE CONTROL+ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Mercedes-AMG รองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่สามารถทำมุมเลี้ยวได้สูงสุดถึง 3.6 องศา สำหรับลดวงเลี้ยวให้แคบลง เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงในการขับขี่ เบรกมั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ แบบสมรรถนะสูงอย่าง AMG high-performance brake system ที่สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำทุกสภาวะการขับขี่ พร้อมจานเบรกที่มีช่องระบายอากาศบริเวณด้านข้างเพื่อลดอุณหภูมิของจานเบรกเมื่อมีการใช้งานในความเร็วสูง และตกแต่งคาลิเปอร์เบรกด้วยสีแดงตามแบบฉบับของ AMG โดยด้านหน้าเป็นคาลิเปอร์แบบ 6-piston และจานเบรกขนาด 415 x 33 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังเป็นแบบ single-piston และจานเบรกขนาด 378 x 22 มิลลิเมตร
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ จัดมาให้อย่างเต็มพิกัด ทั้งกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Driving assistance package ที่รวบรวมระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) และระบบช่วยการทรงตัวและดึงรถกลับเข้าช่องจราจร (Evasive Steering Assist) ฯลฯ
Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเทา (Alpine Grey Solid) และสีแดง (Patagonia Red Metallic) วางจำหน่ายในราคา 5,950,000 บาท