หลังจากเปิดตัวเจเนอเรชันใหม่สำหรับ Peugeot 3008 พร้อมที่จะส่งทำตลาดทั่วโลกแต่แฟนๆสิงห์เขย่งต่างถามถึงว่าแล้ว Peugeot 5008 จะตามมาหรือไม่
ล่าสุด Natalie Knight ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ STELLANTIS เปิดเผยว่า Peugeot 5008 เจเนอเรชันถัดไปจะเปิดตัวมาครับทั้งสันดาปและไฟฟ้าล้วนแบบเดียวกับรุ่น 3008 และ E-3008 และยังได้พูดคุยกับนักวิเคราะห์เกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทว่าสำหรับ Peugeot E-5008 จากตระกูล 5008 เป็นหนึ่งในการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สำคัญของกลุ่ม STELLANTIS ในยุโรป ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่จะเปิดตัวในปีหน้า ได้แก่ E-408, FIAT 600e และ FIAT TOPOLINO Quadricycle
แน่นอนว่า Peugeot 5008 และ E-5008 ยกพื้นฐานมาทั้งกะปิแต่ขยายความยาวออกมาเป็นแบบ 3 ตอน 7 ที่นั่ง หน้าตายังเหมือนกันตั้งแต่ กระจังหน้าแบบไร้กรอบพร้อมโลโก้สิงห์เขย่งขาเวอร์ชันใหม่ ล้ำสมัยเพิ่มความชัดเป็นเส้นครีบทอดยาวใต้ไฟหน้า Full LED Pixel ขนาบข้างด้วย DRL แนวตั้งคล้ายเขี้ยวสิงโต พร้อมโลโก้ 5008 บนฝากระโปรง หลังคารถเอนลาดลงมาสไตล์คูเป้รวมถึงออกแบบเสา C ให้เล็กลงและโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม ไฟท้าย Full LED ขนาดเล็กเรียวทันสมัยรับโลโก้ตัวอักษร Peugeot มีไฟเบรกดวงที่สามบนโลโก้ตัวอักษร กันชนท้ายสีทูโทนแนวดุแต่งด้วยลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำคาดกลางสีเงินในชุดกันชนหลัง ล้ออัลลอยลายเข้มขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55R19 และใหญ่สุด 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20 ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม STLA Medium
ภายในสุดไฮเทคภายใต้คอนเซ็ปต์ i-Cockpit ด้วยคอนโซลหน้าสไตล์ Panoramic i-Cockpit กับจอโค้งขนาดใหญ่แนวนอน 21 นิ้ว ที่รวมการทำงานของมาตรวัดดิจิทัลกับจอสัมผัสรองรับระบบความบันเทิงในจอเดียวกันแต่ในรุ่น Allure ได้หน้าจอ 10 นิ้วสองจอโดยติดตั้งอยู่บนสุดของชุดแผงคอนโซลหน้า พร้อมลำโพง Focal® Premium Hi-Fi 10 ตำแหน่ง ถัดลงมาเป็นช่องแอร์ดีไซน์ล้ำทั้งฝั่งคนขับและตรงกลางช่องแนวนอนขนาดใหญ่รวมถึงจอแนวนอนควบคุมการทำงานของชุดจอสัมผัสด้านบน
ออกแบบปุ่มฟังก์ชันให้ใกล้กับคนขับมากที่สุดหรือเรียกว่า i-Toggles ทั้งหมด 10 ปุ่ม สามารถกำหนดค่าให้เหมาะกับความต้องการและลดปุ่มที่ไม่จำเป็นออกไปอยู่ที่จอแทนเพื่อสร้างความเป็นมิตรให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าพร้อมกันนี้คันเกียร์อัตโนมัติก็มาเป็นแบบปุ่มเลื่อนขึ้น-ลงแทนคันเกียร์ ปุ่ม Push Start ใกล้ปุ่มคันเกียร์ ถัดลงมาเป็นที่วางชาร์จมือถือไร้สาย ไฟสร้างบรรยากาศ ambient LED lighting เลือกได้ 8 สี ช่องเก็บของ 17 จุด ที่เสียบชาร์จ USB ทั้ง Type-A และ Type-C ที่ขาดไม่ได้เลยคือพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้านแบบหัวตัดท้ายตัด
ขุมพลังมีแววว่ายกมาทั้งหมดตั้งแต่ไฟฟ้าล้วนเริ่มที่รุ่น Electric 210 กับความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ Nickel-Manganese-Cobalt (NMC) 73 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Synchronous with permanent magnet ขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังมากสุด 204 แรงม้าที่ 4,370-14,000 รอบต่อนาที แรงบิด 343 นิวตันเมตรที่ 250-4,370 รอบต่อนาที วิ่งไกลสุด 525 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 8.7 วินาที ด้านการชาร์จมีทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 160 kW ภายในเวลา 30 นาที และ ขาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 และ22 kW
รุ่น Electric 230 กับความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ Nickel-Manganese-Cobalt (NMC) 98 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Synchronous with permanent magnet ขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังมากสุด 231 แรงม้าที่ 4,740-14,000 รอบต่อนาที แรงบิด 343 นิวตันเมตรที่ 250-4,740 รอบต่อนาที วิ่งไกลสุด 700 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 8.9 วินาที ด้านการชาร์จมีทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 160 kW ภายในเวลา 27 นาที และ ขาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 และ22 kW
รุ่น Electric 320 Dual Motor AWD กับความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ Nickel-Manganese-Cobalt (NMC) 73 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Synchronous with permanent magnet ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังมากสุด 204 แรงม้าที่ 4,370-14,000 รอบต่อนาที แรงบิด 343 นิวตันเมตรที่ 250-4,370 รอบต่อนาที สำหรับล้อหน้า และล้อหลังให้กำลังมากสุด 150แรงม้าที่ 4,760-14,000 รอบต่อนาที แรงบิด 166 นิวตันเมตรที่ 0-4,760 รอบต่อนาที เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 327 แรงม้า วิ่งไกลสุด 525 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 6.4 วินาที ด้านการชาร์จมีทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 160 kW ภายในเวลา 30 นาที และ ขาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 และ 22 kW
ทุกขนาดความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ single-speed gearbox พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อ เลือกโหมดการขับขี่ได้หลากหลาย ทั้ง Normal ECO Sport รวมถึงโหมด 4WD ในรุ่น Electric 320 Dual Motor AWD ซึ่งจะกระจายกำลังไปยังล้อทั้งสี่เมื่อพื้นผิวถนนลื่นแต่ทำได้ที่ความเร็วสูงสุด 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้นและยังสามารถใช้ V2L (Vehicle to Load) เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ รวมถึงระบบ 3-stage regenerative braking เลือกได้ทั้งแบบ Low Medium และ High
ความปลอดภัยครบครันทั้งระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go Adaptive cruise control with Stop and Go function, เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic emergency braking with collision warning Active, เตือนออกนอกเลน Active Lane Departure Warning, ช่วยคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping System,ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert, เตือนมุมอับสายตา Blind spot monitoring, กล้องมองภาพขณะเดินหน้าและถอยจอดความคมชัดสูง High-definition parking aid cameras, ช่วยในการเปลี่ยนเลนกึ่งอัตโนมัติ Semi-automatic lane change จากการเปิดไฟเลี้ยวและกดปุ่ม “OK” บนพวงมาลัย, แสดงป้ายจราจรแบบดิจิตอล, ควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control, ป้องกันการลื่นไถล Advanced Traction Control รองรับการใช้งานพื้นถนน 3 รูปแบบ ได้แก่ หิมะ โคลน และ ทราย ทำงานร่วมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ PEUGEOT VisioPark 360° ที่ประกอบด้วยกล้อง 4 ตัว และเซนเซอร์ 12 จุดรอบคัน
ขุมพลังสันดาปก็ยกมาจากรุ่น 3008 เช่นกันทั้ง เบนซินเทอร์โบ PureTech Hybrid 48 V ซึ่งเรียกว่า Mild Hybrid คาดว่ายกมาจากเจเนอเรชันที่สองกับ PureTech 130 1.2 ลิตร 3 สูบ EB2ADT 136 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่คลัตช์คู่ 6 สปีด e-DCS6 พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า อินเวอร์เตอร์ และกล่อง ECU โดยทำงานภายใต้ Miller
Mild Hybrid มีแบตเตอรี่ก้อนเล็กสุดมีความจุ 0.432 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กสุดแรงดัน 48 V เสริมพละกำลังขึ้นมาอีก 29 แรงม้า แรงบิด 55 นิวตันเมตรในขณะสตาร์ทรถและเร่งความเร็วโดยโหมดไฟฟ้า หรือ Electric สร้างความเร็วสูงสุด 145 กม./ชม. แต่ถ้าถอนคันเร่งจนรถหยุดนิ่งเครื่องยนต์จะดับโดยอัตโนมัติแล้วกลับมาติดอีกครั้งหลังหยุดรถไปได้สักพักเมื่อกดคันเร่งเพิ่มกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าจะสร้างพลังขึ้นอีก 12 แรงม้า และมีเสียงสังเคราะห์ Acoustic Vehicle Alerting System (AVAS) สำหรับความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. เพื่อเตือนให้คนเดินเท้าและขี่จักรยานระวังเป็นพิเศษ
Peugeot 5008 และ Peugeot E-5008 จะถูกสร้างขึ้นที่โรงงาน STELLANTIS ในเมืองโซโชซ์ ประเทศฝรั่งเศส ที่เดียวกับรุ่น 3008 และ E-3008 เจนใหม่ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2024 มีทั้งรุ่น Allure และรุ่น GT
ที่มา CARSCOOPS
ภาพประกอบ Peugeot 3008 และ E-3008 เจเนอเรขันใหม่