ทำตลาดเมืองไทยมาสี่ปีและได้รับการตอบรับอย่างดีมาตลอดสำหรับ Mercedes-Benz GLA เอสยูวีเล็กสุดในตระกูล G โดดเด่นคล่องตัวและเทคโนโลยีเหนือชั้น
และจากการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมทั่วโลกตั้งแต่ปีกลายล่าสุดเมืองไทยเปิดตัวรุ่นปรับโฉมอย่างเป็นทางการในรหัส H247 กระจังหน้าแบบ diamond radiator grille ทรงเดิมเส้นเดี่ยวแนวนอน และ ตราสัญลักษณ์ของ Mercedes-Benz ตรงกลาง แต่กันชนหน้าออกแบบใหม่เพิ่มกรอบขนาดใหญ่แบบสีเดียวกับตัวรถให้ใหญ่ขึ้นซ้าย-ขวา รวมถึงส่วนล่างกันชนออกแบบช่องระบายอากาศเช่นกัน มาพร้อมไฟหน้าโคมใหม่ LED High Performanceและระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ช่วยให้การขับขี่ในช่วงเวลากลางคืนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้านท้ายปรับในส่วนไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่กันชนหลังคงเดิม พร้อมคิ้วโครเมียมท่อไอเสียคู่สองฝั่ง ตกแต่งรอบคันแบบ AMG bodystyling อุปกรณ์กันกระแทกโครงหลังคาแบบ aluminium ให้ความรู้สึกผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและหรูหรา พร้อมอำนวยความสะดวกด้วยระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS) ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO และใหม่หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว พร้อม Sports brake และยางขนาด 235/50 R19
ตัวรถใหญ่ขึ้นด้วยความยาว 4,436 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,849 มิลลิเมตร ความสูง 1,605 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,729 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,485 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร
ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งแบบ AMG Line Interior ให้ความรู้สึกดุดันแต่ยังแฝงไปด้วยความหรูหราในทุกมิติ เริ่มด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ตหุ้มหนัง Nappa ต่อเนื่องด้วยแผงหน้าปัดแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลการขับขี่แบบ All-digital instrument display ซึ่งเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางขนาด 10.25 นิ้ว สะดวกสบายในทุกการขับขี่และการโดยสารด้วยเบาะนั่งแบบ Sport seats หุ้มหนัง ARTICO สลับกับ MICROCUT microfibre สีดำ และยังมาพร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC ใหม่แบบ 2 โซน พร้อมแอร์หลัง ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging) และระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT ที่สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมเพื่อเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ พร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกอีกหลายรายการที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครัน
พร้อมเชื่อมต่อความบันเทิงมาสู่ห้องโดยสารอย่างไร้รอยต่อด้วยฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple Carplay™ & Android Auto™) และระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดแบบ “MBUX7” ที่มีระบบ AI ช่วยประเมินพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับขี่อย่างอัจฉริยะ รองรับการสั่งซื้อแอปพลิเคชั่นสำหรับรายงานสภาพการจราจรแบบออนไลน์ Live Traffic Information ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect ที่จะเปิดประตูสู่ฟังก์ชั่นระดับชั้นนำมากมาย ทั้งยังมีการติดตั้งไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient lighting) สามารถปรับได้กว่า 64 เฉด ช่วยเพิ่มความบันเทิงและความรื่นรมย์ขณะขับขี่และโดยสารได้ในทุกช่วงเวลา และเบาะนั่งตอน 2 ปรับได้แบบ 40:20:40 พร้อมพื้นที่สัมภาระมากถึง 435-1,430 ลิตร และสวิตช์ Touchpad ไม่มีอีกแล้ว
ขุมพลังเดิมไม่มีระบบ Mild Hybrid มาช่วยเหมือนสเปกต่างประเทศกับเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 1.3 ลิตร รหัส M282 ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7G-DCT ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลา 8.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 130-137 กรัมต่อกิโลเมตร สามารถเติมน้ำมันสูงสุดถึง E85 ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบช่วงล่าง Comfort suspension แบบ ride-height lowering
ระบบความปลอดภัยติดตั้งเป็นออปชันมาตรฐานที่ครบครัน ทั้งถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างอย่างละ 2 ตำแหน่ง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ ขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) เบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) เบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) ช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC) แจ้งเตือนขณะเปิดประตูรถ (Exit Warning) และระบบรักษาความเร็ว (CRUISE CONTROL) ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light) เตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator เตือนแรงดันลมยาง (tyre pressure loss warning system) กล้องมองภาพด้านหลัง แจ้งเตือนสถานะเข็มขัดนิรภัยสําหรับผู้โดยสารตอนหลัง และชุดอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินแบบ TIREFIT
Mercedes-Benz GLA รุ่นปรับโฉมประกอบในประเทศจำหน่ายรุ่นเดียวคือรุ่น GLA 200 AMG Dynamic มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Cosmos Black) สีเงิน (Iridium Silver) และสีเทา (Mountain Grey) ในราคาเพิ่มจากเดิม 40,000 บาท เป็น 2,580,000 บาท พบตัวจริงทั่วประเทศ 1 กุมภาพันธ์ นี้