เห็นหน้าตากันแล้วสำหรับ MG3 เจนใหม่ที่พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ สำหรับทำตลาดยุโรปและเอเชีย
ล่าสุดกับภายในสุดเข้มของ MG3 เจเนอเรชันใหม่ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำลวดลายเพชรแผงประตูขึ้นรูปที่สวยงาม เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ไฮเทค พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันยกมาจาก MG4 Electric ติดตั้งจอคู่ประกอบด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ มีจอสัมผัสขนาดใหญ่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto คาดว่าจะเป็นขนาด 10.25 นิ้ว ถัดลงมาเป็นสวิตช์การทำงานที่จำเป็นช่องแอร์ดีไซน์หรู และเกียร์อัตโนมัติแบบปุ่มหมุน Shift By Wire พร้อมเบรกมือไฟฟ้าและ Auto Hold
ภายนอกเด่นด้วยหน้าตานำแรงบันดาลใจจาก MG4 Electric ด้วยช่องระบายอากาศดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะแบบ Digital Burning Grille ไฟหน้า LED ทรงเรียวเพรียวสปอร์ต โลโก้ MG อยู่ตรงชุดกระจังหน้าแบบทึบในชุดกันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอกหน้าทรงกลมด้านข้างเส้นสายดูกลมกลืนประณีตพร้อมดีไซน์หลังคารถที่ลาดลงตามยุคสมัย กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูแบบดึงก้าน ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ลงตัวด้วยกันชนหลังทรงสปอร์ตพร้อมสปอยเลอร์หลังทำให้นึกถึง Honda City Hatchback และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายห้าก้านทูโทนพร้อมยาง 195/55R16
ขุมพลังตามรายงานว่าจะเป็นเบนซิน 1.5 ลิตรพ่วงระบบ Hybrid ยกมาจาก MG VS ที่ขายในไทยกับรหัส 15S4C กำลังสูงถึง 109 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้าที่ 12,000 รอบต่อนาที แรงบิด 200 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุแบต 2.1 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า
รถขับเคลื่อนล้อหน้าจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT เลือกโหมดขับขี่ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Comfort และ Sport ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) สามารถชาร์จในระหว่างขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) สามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับ ได้ถึง 3 ระดับ และเบนซินล้วน 1.5 ลิตร เบนซิน รหัส 15S4C VTi – TECH ให้กำลัง 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT
พร้อมความปลอดภัยเต็มคันทั้ง ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS กระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง กุญแจนิรภัย Immobilizer ล็อกประตูอัตโนมัติ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
เบื่องต้นเตรียมเปิดตัวที่งาน Geneva Motor Show 2024 ทางด้านเมืองไทยพบกันภายในปีนี้คาดเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม
ที่มา Carscoops