ในครั้งนี้เราขอแนะนำ 10 รุ่นยอดนิยม มอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตที่สามารถเป็นได้ทั้งรถแข่ง และรถบ้านใช้งานในชีวิตประจำวันที่สามารถนำมาขับขี่บนท้องถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
หากคุณเป็นคนที่หลงใหลในการขับขี่และต้องการความตื่นเต้นในชีวิตประจำวัน มอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ เพื่อที่จะทำให้คุณรู้จักกับโลกของมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตที่สามารถเป็นได้ทั้งรถแข่ง และรถบ้านใช้งานในชีวิตประจำวันที่สามารถนำมาขับขี่บนท้องถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และในครั้งนี้เราขอแนะนำ 10 รุ่นยอดนิยมจะมีแบรนด์ไหนบ้างไปชมกันได้เลย
1. Kawasaki Ninja ZX-25R ราคา 299,000 บาท
คาวาซากิภูมิใจนำเสนอ Ninja ZX-25R โมเดลซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี รุ่นใหม่แบบ All-new เพียงรุ่นเดียวในคลาสที่ส่งกำลังโดยเครื่องยนต์สี่สูบเรียง ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงสมรรถนะชั้นเลิศของรถในตระกูล Ninja ZX โมเดลที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 250 ซีซี 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 4 จังหวะ จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยของเหลว มี Ram Air ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดักอากาศและเสริมสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์ มอบพละกำลังสูงสุด 51 แรงม้า ที่ 15,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.9 นิวตันเมตร ที่ 14,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด พร้อม Assist & Slipper Clutch ลดแรงกระชากเมื่อลดเกียร์ รวมถึง Quick Shifter ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์ และ Traction control ช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีขณะเปลี่ยนเกียร์
2. Kawasaki Ninja ZX-4R SE ราคา 360,000 บาท
มอเตอร์ไซค์สปอร์ตที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้าที่ 14,500 รอบต่อนาที เมื่อทำงานผสานกับ Ram Air ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดักอากาศและเสริมสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์ทำให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 77 แรงม้าที่ 14,500 รอบต่อนาที มี Redline สูงถึง 15,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุดที่ 37.6 Nm ที่ 12,500 รอบต่อนาที มี Assist & Slipper Clutch มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และ Quick Shifter แบบสองทิศทางที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์
3. Honda CBR600RR ราคา 549,000 บาท
CBR600RR ซูเปอร์สปอร์ต ในตำนานที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากพื้นฐานของรถแข่งติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 599 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์ว DOHC ระบายความร้อนด้วยของเหลว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ 6 สปีด ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 14,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูดสุด 64 นิวตันเมตร ที่ 11,500 รอบต่อนาที เสริมด้วยเทคโนโลยีแบบเดียวกับรถที่ใช้แข่ง MotoGP ด้วยเซ็นเซอร์ IMU 5 แกน จับองศาของตัวรถเพื่อรักษาสมดุลขณะเข้าโค้ง พร้อมด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า และระบบ HSTC ควบคุมกำลังของเครื่องยนต์ แรงบิด ความเร็วของล้อหน้า-หลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมีโหมดการขับขี่เลือกได้ 3 รูปแบบ นอกจากนี้ยังติดตั้งสลิปเปอร์คลัตช์ ลดแรงกระชากของล้อหลังขณะลดเกียร์ต่ำ มีระบบกันสะบัดไฟฟ้า ตลอดจนระบบควบคุมการยกของล้อหน้า
4. Yamaha YZF-R7 ราคา 339,000 บาท
บิ๊กไบค์สายพันธุ์สปอร์ตไบค์ตระกูล R-Series จากค่าย ยามาฮ่า มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ Crossplane 2 ขนาด 689 ซีซี 2 สูบเรียงแบบ DOHC 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11.5:1 ให้พละกำลังสูดสุดที่ 73.4 แรงม้า ที่ 8,750 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุดที่ 67 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Fuel injection มีอัตราการบริโภคน้ำมันที่ 4.2 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร ขณะที่ระบบเกียร์เป็นแบบ 6 สปีด ผสานการขับเคลื่อนด้วยระบบโซ่ พร้อมด้วยระบบสลิปเปอร์คลัตช์ ลดปัญหาล้อล็อกและเสียกำลังจากเครื่องยนต์ขณะเชนเกียร์
5. Suzuki GSX-R1000R ราคา 881,000 บาท
สปอร์ตเรือธงจากค่ายคนบ้า รถซุปเปอร์สปอร์ตตัวแรงภายใต้รหัส GSX มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงขนาด 999.8 ซีซี มีอัตราส่วนแรงอัดถึง 13.2 : 1 ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้า ที่ 13,200 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 117.6 นิวตันเมตร ที่ 10,800 รอบต่อนาที ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด และระบบ Suzuki Clutch Assist ที่ทำงานร่วมกับวาล์วไอดี-ไอเสีย ทำจากวัสดุไทเทเนียมที่มีความทนทานสูง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีจากสนามแข่ง Suzuki Racing Variable Valve Timing (SR-VVT) ระบบวาล์วแปรผันทำให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกรอบความเร็ว
6. Honda CBR1000RR-R Fireblade ราคา 999,000 บาท
ซูเปอร์ไบค์ รุ่นใหญ่ตระกูล CBR จากค่ายปีกนก ที่ได้รับการถ่ายถอด DNA มาจากมาตรฐานการแข่งขันระดับโลกอย่าง MotoGP มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส SC82E ขนาด 1,000 ซีซี 4 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอบพละกำลังสูงสุด 162 แรงม้า ที่ 10,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 113 นิวตันเมตร ที่ 8,250 รอบต่อนาที มี Ram Air ขนาดเทียบเท่ากับ Honda RC213V รถแข่ง MotoGP ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดักอากาศและเสริมสมรรถนะเครื่องยนต์ให้ตอบสนองที่ความเร็วสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีระบบคันเร่งไฟฟ้าที่ตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างแม่นยำ และระบบ Quick Shifter แบบสองทิศทาง ปรับระดับแรงกดได้ 3 ระดับ พร้อมด้วยระบบ Traction Control กับระบบกันสะบัดไฟฟ้าที่ทำงานร่วม แกน IMU แบบ 6 แกนจาก Bosch ช่วยควบคุมความสมดุลของตัวรถตลอดการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ
7. Yamaha YZF-R1 ราคา 899,000 บาท
อีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตตระกูล R-Series สืบทอดขุมพลังการแข่งขันระดับโลกอย่าง MotoGP ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 998 ซีซี 4 จังหวะ 4 สูบ เรียงแถวแบบ DOHC 16 วาล์ว ผ่านมาตรฐานการรองรับ EURO 5 ให้พละกำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 13,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 112.4 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยโซ่ จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจุดระเบิดแบบ TCI นอกจากนี้ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่งครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยการออกตัว, Traction Control ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, Slide Control System ระบบป้องกันการสไลด์, Lift Control System ระบบป้องกันล้อหน้าลอย และ ระบบควิกชิพเตอร์ อีกทั้งยังมีเซ็นเซอร์ IMU 6 แกน คอยตรวจจับการทำงานช่วยควบคุมความสมดุลของตัวรถ โดยประมวลผลร่วมกับ ECU เพื่อความปลอดภัย และเพื่อการรีดประสิทธิภาพสูงสุดของตัวรถ
8. Kawasaki Ninja ZX-10RR ราคา
ซูเปอร์ไบค์ ระดับตำนานจากค่ายยักษ์เขียว มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 998 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้พละกำลัง 181 แรงม้า ที่ 14,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 112 นิวตันเมตรที่ 11,700 รอบที่นาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อม Quick Shifter สองทิศทาง อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบควบคุมการออกตัว, ระบบควบคุมเบรกเครื่องยนต์, กันสะบัดไฟฟ้า, โช้คอัพไฟฟ้า Ohlins, โหมดการขับขี่, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้
9. Ducati Panigale V4 S ราคา 1,329,000 บาท
Ducati Panigale V4 S มาพร้อมเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 1,103 ซีซี มีอัตราอัด 215.5 แรงม้า ที่ 13,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 124 นิวตันเมตรที่ 10,000 รอบต่อนาที มอบความปลอดภัยด้วยชุดอิเล็กทรอนิกส์ 6D IMU ในการประมวลผลแกนหมุนทั้งหกแกนจาก Bosch จากการอ่านค่าต่างๆ เช่น Cornering ABS EVO เพิ่มประสิทธิภาพการเบรคขณะที่รถอยู่ในมุมเอียง, Ducati Slide Control ช่วยการควบคุมอาการสไลด์ขณะอยู่ในโค้ง, Ducati Wheelie Control ป้องกันการยกตัวของล้อหน้า, และ Engine Brake Control EVO สามารถปรับระดับการหน่วงจากเครื่องยนต์ขณะยกคันเร่ง เพื่อเรียกประสิทธิภาพในการขับขี่ออกมาได้อย่างสมบรูณ์
10. BMW S 1000 RR ราคา 1,005,000 บาท
ปิดท้ายด้วยซูเปอร์ไบค์รุ่นยอดนิยม ที่มาพร้อมกับพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน 4 วาล์วไทเทเนียมต่อลูกสูบ DOHC และ BMW ShiftCam ความจุ 999 ซีซี ส่งพละกำลัง 210 แรงม้า ที่ 13,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที รองรับสไตล์การขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง 5 รูปแบบการขับขี่พื้นฐาน ได้แก่ โหมดการขับขี่ Rain, Road, Dynamic, Race และ Pro ที่ใผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนการควบคุมต่างๆ ได้เอง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น Slide Control สามารถให้ผู้ขับขี่เลือกการตั้งค่าการดริฟท์ได้สองระดับขณะเร่งออกจากโค้ง ในทำนองเดียวกัน ระบบ ABS ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันระบบควบคุมการเลื่อนเบรก Slide Control ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่ามุมดริฟท์เฉพาะสำหรับสไตล์การขับที่เรียกว่าการดริฟต์เบรก ขณะที่ไถลเข้าโค้งด้วยความเร็วคงที่ได้อีกด้วย
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook : Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day
