หลังจากเปิดตัว ASTON MARTIN DB12 Coupe ในไทยเมื่อช่วงปีกลายล่าสุดเพิ่มทางเลือกด้วยการเปิดตัวเวอร์ชันเปิดประทุน ASTON MARTIN DB12 Volante
หน้าตาเหมือนกับ ASTON MARTIN DB12 Coupe เพียงแต่เป็นรุ่นเปิดประทุนควบคุมกลไกหลังคาผ้าใบอัตโนมัติ K-FOLD พับเก็บสองขั้นตอน ใช้เวลาเปิด-ปิดเพียง 14 และ 16 วินาที พร้อมฉนวนมากถึง 8 ชั้น มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเหนือรถเปิดประทุนทั่วไป
โดยเมื่อเปิดใช้งาน หลังคาจะพับเก็บอัตโนมัติอยู่ใต้ฝาปิดหนังแท้ ผสานเส้นสายตัวถังที่เพรียวบาง นำสายตาสู่ห้องโดยสารอันหรูหรา ตัดกันกับตัวถังด้านท้ายที่ดูบึกบึนและทรงพลัง ทำให้มีความสูงเพียง 260 มิลลิเมตร รูปทรงเพรียวบางดูงดงาม
นอกนั้นเหมือนกันทั้ง กระจังหน้าแบบ Single Vaned โดยมีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 56% (เทียบกับ DB11 V8) รองรับพละกำลัง กันชนหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมแผ่นรีดอากาศด้านหน้า (front splitter) โลโก้สัญลักษณ์ (Aston Martin Wing Badge) แบบใหม่โดดเด่นยิ่งขึ้น และเป็นการนำมาติดตั้งเป็นรุ่นแรก ช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อนจากเครื่องยนต์และเทอร์โบคู่ที่อยู่บริเวณกลางห้องเครื่อง ไฟหน้าแอลอีดีพร้อมเดย์ไทม์รันนิงไลท์แบบใหม่ (6-block pattern)
กระจกข้างทรงสปอร์ตไร้กรอบเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะช่วงความเร็วสูงด้วยแอโรไดนามิกส์ ‘Aeroblade’ โดยใช้หลักอากาศพลศาสตร์ในการสร้างแรงกด สปอยเลอร์หลังแบบอัตโนมัติรวมไปถึง ‘Presenting Door Handles’ เมื่อกดปุ่มปลดล็อกบนกุญแจรีโมท มือจับประตูจะเปิดขึ้นอัตโนมัติช่วยให้จับได้สะดวกยิ่งขึ้น
ล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้ว ยาง Michelin Pilot Sport S 5 แก้มยางระบุอักษร ‘AML’ บ่งบอกว่าผลิตมาพิเศษกับโครงสร้างโฟมด้านในช่วยลดเสียงรบกวนและนุ่มนวลยิ่งขึ้นขนาดหน้า-หลัง 275/35/ZR21 และ 325/30/ZR21 ตามลำดับ
มิติตัวรถใหญ่ทั้งคันตั้งแต่ ความยาว 4,725 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,980 มิลลิเมตร ความสูง 1,295 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,805 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร น้ำหนักรถ 1,898 กิโลกรัม พื้นที่สัมภาระท้ายตอนมีหลังคา 206 ลิตร และตอนไม่มีหลังคา 169 ลิตร
ภายในแตกต่างจากเวอร์ชันคูเป้ด้วยแผงไม้หรือแผงคาร์บอนไฟเบอร์บนพนักพิง แบบเดียวกับขอบประตู สร้างมิติที่น่าดึงดูดใจระบบอินโฟเทนเมนต์ล้ำสมัย และ HMI (Human Machine Interface) แบบใหม่ ช่วยให้ผู้โดยสารไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ แสดงผลผ่านทัชสกรีนอเนกประสงค์ ‘Pure Black’ ขนาด 10.25 นิ้ว
ควบคู่กับการติดตั้งปุ่มและสวิตช์ควบคุมระบบที่สำคัญกลางแผงคอนโซลหน้า เพื่อให้ผู้ขับสามารถใช้งานได้ง่ายที่สุด ตัวปรับเลือกโหมดการขับแบบแป้นหมุน และสวิตช์ควบคุมต่างๆ ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง ใช้งานได้สะดวก เพิ่มความสุนทรีย์ยามขับเคลื่อน ด้วยเครื่องเสียง Bowers & Wilkins 390 วัตต์ 11 ลำโพง และพวงมาลัยสามก้านมัลติฟังก์ชันดีไซน์ใหม่ผสมผสานความหรูหราประณีตตัดเย็บด้วยมือ เร้าใจกับปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์แบบใหม่
ยกระดับให้กับรถ จีที สู่การเป็นยนตรกรรม Super Tourer ขึ้นทำเนียบยนตรกรรมพลังแรงที่สุดในคลาสด้วยขุมพลังเบนซินทวินเทอร์โบ วี8 สูบ 4.0 ลิตร รหัส M177 ให้กำลังสูงสุด 680 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,750-6,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ (ZF 8HP75) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมงให้ความสำคัญสูงสุดกับผู้ขับ เน้นการใช้งานที่ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมรถ
อีกหนึ่งความพิเศษ ช่วงล่างหน้า-ดับเบิลวิชโบน และหลัง-มัลติลิงค์ พร้อมโช้กอัพอะแดปทีฟ ‘BILSTEIN DTX’ ที่มีความความยืดหยุ่น นุ่มหนึบ และความละเอียดในการขับมากขึ้นถึง 500% (เทียบกับ DB11 V8)
ครั้งแรกกับการติดตั้งเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-diff) กับยนตรกรรมสายพันธุ์ DB ควบคุมรถอย่างมั่นใจด้วยคาลิเปอร์เบรกหน้า 6 พ็อต หลัง 4 พ็อต จับคู่จานเบรกโลหะเจาะรูระบายความร้อน หน้า-หลังขนาด 400 และ 360 มิลลิเมตร ตามลำดับ พร้อมมีจานเบรก คาร์บอนเซรามิก เจาะรูระบายความร้อน หน้า-หลังขนาด 410 และ 360 มิลลิเมตร เป็นออปชัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชะลอความเร็ว และลดน้ำหนักใต้สปริงได้ถึง 27 กิโลกรัม ASTON MARTIN DB12 Volante ด้วยราคาจำหน่าย 24,900,000 บาท พร้อมการรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง