หลังจากที่เผยภาพบางส่วนของ HAVAL H6 รุ่นปรับโฉมหน้าที่สามทำให้ชาวจีนอยากเห็นตัวจริงโฉมจริงเอสยูวีขายดีของค่ายในจีน 226,024 คัน
ล่าสุด จีดับเบิลยูเอ็ม เมืองจีนเผยภาพ Official คันจริงตัวจริง HAVAL H6 ปรับโฉมในร่างเจนที่สามเริ่มที่ส่วนของไฟหน้า LED Daytime เป็นรูปเลขเจ็ด พร้อมไฟหน้า Intelligent LED ที่เพรียวลงกว่าเดิมสองดวงรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ ติดตรา HAVAL ในชุดกันชนหน้าใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
ด้านท้ายปรับเป็นไฟท้ายแบบแยกสองฝั่งแบบ LED ติดตรา HAVAL ขนาดใหญ่ รับกับกันชนหลังดีไซน์เท่พร้อมท่อไอเสียสองฝั่ง ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มองเห็นได้ชัดเจน ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ช่วยให้การเปิดประตูด้านท้ายรถในขณะถือสัมภาระง่ายยิ่งขึ้น เติมเต็มความหรูหราด้วยหลังคาพาโนรามิกซันรูฟสุดหรู ขนาด 1.2 เมตร ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/60 R18 และขนาด 19 นิ้วสีดำเข้มพร้อมยาง 225/55R19
ภายในถึงยังไม่มีข้อมูลว่าจะปรับเปลี่ยนด้วยหรือไม่ แต่ออปชันภายในยังคงเดิมทั้งชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ดีไซน์หรูพร้อมสีพิเศษแบบ High-gloss ช่วยเติมสีสันและความหรูหราให้กับห้องโดยสาร รวมไปถึงการเชื่อมต่อหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว เต็มอิ่มกับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, Navigator บอกตำแหน่ง Point of Interest ทั้งร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และ ห้างสรรพสินค้า ลำโพง 8 จุดรอบคันพร้อม Treble Woofer และ DTS
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวาพร้อมกรองอากาศ PM 2.5 Wireless Charger แผงมาตรวัดดิจิตอลลอยตัว HD Multi Information Display 10.25 นิ้ว จอแสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) แสดงภาพข้อมูลการขับขี่ครบครัน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านพร้อม Paddle Shift กุญแจ Smart Key+ Push Start เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางในส่วนคนขับ และไฟฟ้า 4 ทิศทางในส่วนคนนั่ง เบาะหลังพร้อมที่เท้าแขนกลาง เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย
อีกระดับของความสบายด้วยช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ช่องเสียบ USB ตัวเบาะหลังยังพับได้ 40/60 และสร้างบรรยากาศอบอุ่นภายในห้องโดยสารด้วยไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร Ambient Light ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ทั้งอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command)
ขุมพลังมาครบตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายในเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร TGDI รุ่น GW4N20 190 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 340 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,200 รอบต่อนาที และเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร GW4B 163 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด 7DCT เลือกได้ทั้ง ขับเคลื่อนสองล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยโหมดการขับขี่เลือกได้ถึง 4 โหมดทั้งโหมด ECO, Normal, Sport, Snow และการอัปเกรดระบบ Firmware Over The Air (FOTA)
ขุมพลัง Hybrid-HEV ด้วยเบนซินเทอร์โบแปรผันซูเปอร์ชาร์จ VGT 1.5 ลิตร GW4B15 GDIT EVO 150 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 177 แรงม้าที่ 300 นิวตันเมตร โดยเมื่อทำงานร่วมกันจะได้แรงม้ารวมสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT ขับเคลื่อนล้อหน้า เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยโหมดการขับขี่เลือกได้ถึง 4 โหมดทั้งโหมด ECO, Normal, Sport, Snow
และขุมพลัง Plug In Hybrid- PHEV ใช้เครื่องเดียวกันกับรุ่น HEV แต่พัฒนาเพิ่มพลังมากขึ้นชาร์จได้มากขึ้นและวิ่งไกลสุดมากขึ้นด้วยผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT และความจุแบตเตอรี่มากถึง 41.5 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตรรองรับการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมดเช่นเดียวกับรุ่น HEV แต่พิเศษเพิ่มโหมด EV เข้ามาอีก 4 โหมด ECO, Normal, Sport, Snow ทำให้มีโหมดการขับขี่มากสุดถึง 8 โหมด
มีให้เลือกวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนถึงสองแบบคือ 55 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและ 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC (สเปกไทยวิ่งไกลสุดในโหมด EV ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งถึง 201 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC) ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ DHT มี 2 ระบบเกียร์ (1 ระบบเกียร์ที่ด้านเครื่องยนต์และอีก 1 ระบบเกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน) พร้อมความปลอดภัยรอบคัน Driver Assistance and Safety Systems
GWM เตรียมที่จะเปิดตัวในงาน Auto China 2024 (Beijing Auto Show 2024) ระหว่างวันที่ 25 เมษายน- 4 พฤษภาคม ทางด้านออสเตรเลียจะไม่มีการปรับโฉมหน้าใหม่นี้ภายในปีนี้ เตรียมที่จะเปิดตัวเจเนอเรชันใหม่ ของ HAVAL H6 คาดนำพื้นฐานจาก HAVAL Xiaolong Max จะพบกันช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025
ที่มา CarNewsChina และ CarExpert