ดาราหลักที่บูธของ Mazda ในงาน Beijing Auto China 2024 นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นรถซีดานไฟฟ้า Mazda 6 ขับเคลื่อนล้อหลัง อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เพียงรอบปฐมทัศน์เท่านั้น แนวคิด SUV ไฟฟ้ารูปลักษณ์เพรียวบางที่เรียกว่า Arata ก็เปิดตัวในประเทศจีนเช่นกัน และคาดว่าจะเข้าสู่การผลิตภายในสิ้นปีหน้า
Arata ได้รับการพัฒนาโดย Changan Mazda ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในอัตราส่วน 50:50 ระหว่าง Changan Automobile และ Mazda ซึ่งก่อตั้งขึ้นในช่วงปลายปี 2012 เช่นเดียวกับซีดาน EZ-6 โดยมีแนวโน้มว่าจะใช้ชื่อเรียกที่แตกต่างกันสำหรับเวอร์ชันการผลิต ซึ่งอาจเป็นการกำหนดตัวอักษรและตัวเลข สะท้อนถึง SUV คันอื่น ป้ายชื่อ “EZ-60” เป็นเครื่องหมายการค้าในประเทศจีนแล้ว ดังนั้นจึงอาจนำไปใช้กับรถรุ่นนี้ได้
ในขณะเดียวกัน Arata (ภาษาญี่ปุ่นหมายความว่า สด หรือ ใหม่) รถเอสยูวีของมาสด้าที่กำลังโชว์ตัวอยู่ที่ Beijing Auto Show ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับรุ่นที่มีอยู่แล้ว ในขณะที่ EZ-6 คาดว่าจะเป็น Changan Depal SL03 ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ แต่ EZ-60 ก็มีแนวโน้มที่จะมีพื้นฐานมาจาก Changan Deepal S7 อย่างไรก็ตาม รถยนต์รุ่นใหม่ไม่ใช่แค่เพียงเปลี่ยนแค่ชื่อรุ่นเท่านั้น แต่จะมีความแตกต่างด้านการออกแบบที่สำคัญ เราคิดว่ารถซีดานและ SUV ของ Mazda จะอยู่ในกลุ่มตลาดบน และคาดว่าจะมีราคาสูง ดูมีราคาสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเพื่อพิสูจน์ว่าราคาน่าจะสูงกว่านี้
Arata นั้นเป็นรถ EV อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ในขณะที่ EZ-6 ที่จะวางจำหน่ายในปีนี้ในประเทศจีนจะจำหน่ายพร้อมกับการติดตั้งปลั๊กอินไฮบริดด้วย รถเอสยูวีนั้นใช้ภาษาการออกแบบ Kodo design ที่คุ้นเคย และมีหน้าต่างที่ค่อนข้างเล็กและไฟที่ทันสมัยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เช่นเดียวกับรถเก๋ง ที่มีกระจังหน้าแบบมีไฟส่องสว่าง อักษร “Mazda” ขนาดใหญ่ที่ด้านข้างก็สว่างขึ้นเช่นกัน
เนื่องจากยังเป็นรถต้นแบบ จึงมีกล้องแทนกระจกธรรมดา และยังไม่รวมมือจับประตูและที่ปัดน้ำฝนด้านหลังอีกด้วย มาสด้าให้สปอยเลอร์แบบหนาที่แบ่งเป็นไฟเบรกดวงที่สามแนวตั้ง ซึ่งดูเหมือนจะขยายไปถึงแผงหลังคา อย่างไรก็ตาม การได้เห็นรถ SUV ถือเป็นสัญญาณการออกแบบที่ไม่คาดคิด
Mazda ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการขายรถซีดานและ SUV นอกประเทศจีน ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตทั้งสองรุ่น ระหว่างนี้มาสด้ากำลังก้าวไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างช้าๆ อีกทางหนึ่งก็รู้ว่า EV เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่า MX-30 จะไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ แต่อย่างน้อย แบรนด์ญี่ปุ่นก็ตระหนักดีว่าจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อความอยู่รอด
Source: Motor1