นอกจาก Honda ZR-V ปรับราคาขึ้นแล้วยังมีอีก 3 รุ่นของค่าย Honda ปรับขึ้นเช่นกันหนึ่งในนั้นคือ Honda StepWGN เอ็มพีวีสไตล์สปอร์ตเจเนอเรชันที่ 6
และสาเหตุที่ปรับขึ้นราคาเกิดจากวัตถุดิบชิ้นส่วนและต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่สูงขึ้นโดยปรับขึ้นจากเดิม 115,500-154,000 Yen หรือราว 27,100-36,200 บาท ทั้งรุ่น AIR, SPADA SPADA Premium Line และรุ่น SPADA Welfare สำหรับคนพิการ ปรับขึ้นจากเดิม 105,000-125,000 Yen หรือราว 24,700-29,500 บาท
Honda StepWGN หน้าตาที่เหลี่ยมขึ้นใหญ่โตขึ้นในร่างรถทรงสองกล่องที่ดีไซน์เรียบง่าย ระยะด้านหน้าที่ยาวขึ้น เสา A กระจกขนาดใหญ่ ประตูข้างสองบานสไลด์แบบไฟฟ้า หล่อขึ้นด้วยไฟหน้า LED แบบ L-Shape พร้อมไฟเลี้ยว dynamic turn signals แบบ LED เข้ามาด้วยผสมผสานกับกระจังหน้าโครเมี่ยมแบบ Satin-chrome ความพิเศษของตัวรถคือพื้นที่ชานต่ำในส่วนประตูสไลด์กับประตูท้ายสะดวกในการขึ้นลงและขนของได้ดีขึ้นกว่าเดิมและไฟท้าย LED แนวยาว และล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 16 พร้อมยาง 205/60 R16 และ 17 นิ้วพร้อมยาง 205/55 R17 มิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,800-4,830 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,750 มิลลิเมตร ความสูง 1,840-1,855 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,890 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,710-1,840 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 52 ลิตร
ภายในมีจุดเด่นด้วยห้องโดยสารที่ใหญ่และกว้างกว่าเก่าแบบ 3 ตอนทั้ง 7 หรือ 8 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งตอนที่ 2 ปรับเอนได้พร้อมที่วางแขนและเลื่อนได้ทรงคล้ายเบาะนั่ง VIP ในรุ่น 7 ที่นั่ง พร้อมตอน 3 ที่สามารถปรับพับได้เพิ่มพื้นที่ในการโดยสาร แถมตัวเบาะสามารถกันเปื้อน กันคราบสกปรกได้ทำความสะอาดง่ายแบบ Fabtech คอนโซลหน้าใหม่ทันสมัยสไตล์ Civic FE โดยเฉพาะช่องแอร์ลายรังผึ้งพร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 10.2 นิ้ว และจอสัมผัสขนาดใหญ่ 11.4 นิ้ว ถาดอเนกประสงค์ พร้อมโทนการตกแต่งสีเข้มและสีอ่อนให้เลือก
ขุมพลังมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน e:HEV แบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson cycle รหัส LFA-H4 กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมมากสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT และเครื่องยนต์เบนซิน VTEC Turbo รุ่น L15C ขนาด 1.5 ลิตร 150 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 203 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,600 – 5,000 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT เลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ Real Time เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ VTEC Turbo
ระบบความปลอดภัย “Honda Sensing” เต็มระบบมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้ง เตือนการชนด้านหน้ากับตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์ Collision Mitigation Braking System (CMBS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning (RDM with LDW) ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติและช่วยขับขี่อัตโนมัติในขณะการจราจรหนาแน่น Adaptive Cruise Control (ACC) with Traffic Jam Following (TJF) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Traffic Jam Assist (TJA) ตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM) เตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System (RDM) ตรวจจับเส้นแบ่งเลนและจดจำป้ายจราจร Sign recognition function ช่วยหักหลบพวงมาลัยป้องกันชนคนเดินทางเท้า Pedestrain Accident Reduction Steering
ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto high beam (AHB) ไฟหน้าอัจฉริยะช่วยปรับไฟสูง-ต่ำแบบแยกอิสระซ้าย-ขวาโดยอัตโนมัติ มีรถกำลังสวนทางมาหรือมีรถยนต์ด้านหน้า Adaptive Driving Beam (ADB) สัญญาณกะระยะการจอด Parking sensor system ป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาดทั้งเดินหน้าและถอยหลัง Forward & Backward Start Prevention Function
มีจำหน่ายทั้งหมด 4 เกรดความหรู 2 เครื่องยนต์หลัก 15 รุ่นย่อย ในราคาใหม่รวมภาษีบริโภคของญี่ปุ่น 10% เริ่มที่ 3,169,100-4,066,700 yen หรือราว 745,000–955,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้ารวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 2,145,000-2,749,000 บาท และรุ่น SPADA Welfare VTEC Turbo ขาย 7 รุ่นย่อย เริ่มต้น 3,571,000-3,985,000 yen หรือราว 839,000–939,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าแต่ถ้ารวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 2,415,000-2,704,000 บาท
ที่มา Carwatch