หลังจากเปิดตัวและราคาที่ไทยกับมาเลเซียไม่ทันไรทางจีนต้นกำเนิด NETA X ได้เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่หรือ MY2025 อย่างเป็นทางการ
NETA X MY2025 เปิดตัวที่จีนปรับปรุงเพิ่มออปชันเพิ่มความสบายและความปลอดภัยบนเรือนร่างเดิมเอสยูวียกสูงทรงท้ายตัด
ภายนอก Exterior
ภายนอกหล่อเดิมๆเพิ่มความโดดเด่นด้วยกันชนหน้าเพิ่มขอบสีเงินรูปตัว L บริเวณขอบกันชนหน้าซ้าย-ขวาหน้าต่างส่วนล่างสีดำเพิ่มความหนาเล็กน้อยที่คาดสีดำบริเวณเสา C เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นดูเข้มขึ้น ไฟท้าย LED ออกแบบใหม่แนวยาวตลอดเน้นความสวยงาม นอกนั้นคงเดิมทั้งคิ้วไฟ DRL แบบ LED ส่วนบนเปรียบเสมือนคิ้ว กับขุดกันชนหน้ากับกระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้ NETA ใต้ช่องไฟ DRL ติดตั้งไฟหน้า LED ขนาดเล็กไว้ ตกแต่งขอบส้มพร้อมช่องระบายอากาศออกแบบด้านข้างตกแต่งด้วยคิ้วชายล่างสีเดียวกับตัวรถผสมความเข้มด้วยคิ้วขอบล้อสีดำ ล้ออัลลอยหลายสไตล์ตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/65 R17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R18 ตัวรถมีมิติที่ใหญ่กว้างขวางเริ่มที่
- ความยาว 4,619 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,860 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,628 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,770 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 156 มิลลิเมตร
ภายใน Interior
เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิ HOZON Thermal Control โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีระบบปั้มความร้อน Heat Pump ที่ HOZON พัฒนาเองเหนือกว่าเครื่องทำความร้อนทั่วไป ออกแบบมาเพื่อมอบความอุ่นสบายในห้องโดยสารทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานเพื่อคงสมรรถนะการขับขี่ระยะไกลในช่วงฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี ในส่วนรุ่นย่อยใหม่ 500 Pro แทนรุ่นเดิม 500 Lite มีออปชันที่มากกว่าทั้ง ฝาท้ายไฟฟ้า เบาะนั่งคุณภาพพรีเมียมที่หรูหราปรับไฟฟ้าคู่หน้า 6 ทิศทางมาพร้อมระบบต้อนรับคนขับ (Welcome Seat) และความจำเบาะ มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย
พร้อมออปชันเดิมทั้งคอนโซลหน้าออกแบบลดปุ่มฟังก์ชันให้น้อยลงและใส่หนังสัมผัสคุณภาพ พร้อมสัมผัสขนาดใหญ่ขนาด 15.6 นิ้ว จอมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล LCD แยกออกจากกันขนาด 8.9 นิ้ว พร้อมใช้ชิพประมวลผลจาก Qualcomm Snapdragon 8155 พร้อมลำโพง 8 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์ใหม่ทรงท้ายตัด 3 ก้านเกียร์อัตโนมัติย้ายมาอยู่คอพวงมาลัยหรือเรียกกันว่าเกียร์คอจากเดิมเป็นเกียร์หมุน
เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สาย มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมฟังก์ชันต่างๆในรถได้อย่างสะดวกสบายระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ (NETA App) เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะแบบเรียลไทม์ สั่งการฟังก์ชันของตัวรถ อาทิ การล็อค/ปลดล็อคประตู การควบคุมเครื่องปรับอากาศ การค้นหาตำแหน่งรถ รวมไปถึงการจองนัดหมายเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุบุนุ่มถึง 80% ของพื้นที่ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งโดยด้านหลังสามารถพับได้มีพื้นที่เพิ่มถึง 1,388 ลิตร แต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่วางของ 508 ลิตร พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ 24 จุด กระจายอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร พื้นที่ภายในด้านหลังกว้างขวางนั่งสบายโดยมีความยาว 927 มิลลิเมตร และด้านหน้ามีความยาว 838 มิลลิเมตร
สมรรถนะ Performance
ขุมพลังไฟฟ้าเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Permanent magnet synchronous motor ให้กำลังถึง 163 แรงม้า แรงบิดเพิ่มมาเป็น 220 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวแบตเตอรี่ผ่านการทดสอบ IP68 ซึ่งเป็นระดับกันน้ำและกันฝุ่นระดับสูงสุดในตลาด โดยแบ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น 400 AIR ด้วยความจุแบตเตอรรี่ใหม่เป็น 53.3kWh วิ่งไกล 401 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ส่วนรุ่น 500 AIR, 500 PLUS และรุ่น 500 PRO ด้วยความจุแบตเตอรรี่ใหม่เป็น 63.5kWh วิ่งไกล 501 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC
พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ทั้ง Sport Comfort และ ECO การชาร์จมี 2 แบบใช้หัวชาร์จแบบ CCS Type2 โดยชาร์ช้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 6.6 kW จาก 20-100% ใช้เวลาในการชาร์จ 9 ชั่วโมงในรุ่น รุ่น 400 AIR และ 11 ชั่วโมงในรุ่น รุ่น 500 แต่ถ้าชาร์จเร็วกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 100kW จาก 30-80% ใช้เวลา 22 นาที ทุกรุ่น พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักตามความเร็วได้ 2 โหมดทั้ง Standard และ Sport ตอบโจทย์นักเดินทางสมัยใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 W (3.3 kW)
ความปลอดภัย Safety
ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 ติดตั้งเซ็นเซอร์ รอบคันและเรดาห์รองรับระบบควบคุมความเร็วในการขับขี่ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC)
- ควบคุมความเร็วอัจฉริยะย่านความเร็วสูง (ICA) และความเร็วต่ำ (TJA)
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ Forward Collision Warning (FCW)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ELKS (Emergency Lane Keeping System)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)
- ช่วยเปลี่ยนเลน Lane Centering Cruise Assist (LCC)
- ตรวจจุดอับสายตา BSD (Side Blind Spot Assist)
- เตือนการถอยหลังขณะออกจากช่องจอด Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- เตือนการเปิดประตู Door Open Warning (DOW)
- จดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR)
- ภาพจำลองเสมือนจริง Surrounding Reality (SR)
- ปรับไฟสูงและต่ำอัตโนมัติ Intelligent High and Low Beam (IHBC)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานให้ทุกรุ่นทั้งกล้องรอบทิศทาง AVM (Around View Monitor) ป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brakeforce Distribution) ช่วยเบรก (Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Stability Control System) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control) ควบคุมความเรวขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System) ถุงลมนิรภัยรอบคัน ตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitoring)
NETA X MY2025 เปิดขายที่เมืองจีน 4 รุ่นย่อยทั้งรุ่น 400 AIR, 500 AIR, 500 PLUS และรุ่น 500 PRO ในราคา 89,800-124,800 YUAN หรือราว 449,000-619,000 บาท และมีสีภายนอกถึง 5 สีทั้ง
- สีขาวมุก Pearl White
- สีเทา Sky Gray
- สีดำ Extreme Black
- สีน้ำเงิน Glacier Blue
- สีบอรนซ์เงิน Dust-free silver
ที่มา CarNewsChina