More

    DENZA D9 พวงมาลัยขวาคันแรกผลิตจากจีนส่งขายอาเซียนรวมไทย

    ในที่สุด DENZA ค่ายรถยนต์หรูเครือ BYD เปิดสายการผลิตเอ็มพีวีหรูอย่าง DENZA D9 เวอร์ชันพวงมาลัยขวาอย่างเป็นทางการ

    BYD

    สำหรับ DENZA D9 ออกมาเป็นนักฆ่าเพื่อนร่วมชาติอย่าง ZEEKR 009 กับ XPENG X9 รวมถึงฟากญี่ปุ่นอย่าง Toyota Alphard และ Lexus LM

    ภายนอก Exterior

    DENZAหน้าตายังคงเดิมเน้นหรูหราด้วยชุดกระจังหน้าทรงทึบสีเงินแนวตั้ง 12 ซี่ คล้าย Alphard ปะตราโลโก้เด่น พร้อมขอบสีเงินล้อมรอบด้านหน้ารถแบบเต็มๆไฟหน้า LED ดีไซน์หรู ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime พร้อมชุดตกแต่งสีเงินที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential หลังคา Dual Panoramic Sunroof

    ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า และ ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 ในรุ่นปรับปรุงใหม่ติดตั้งออปชันเสริมความสบายด้วยประตูดูดไฟฟ้าทั้งในส่วนประตูคู่หน้าและประตูสไลด์สองฝั่งมิติตัวรถมีดังนี้

    • ความยาว 5,250 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,920 มิลลิเมตร
    • ฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 2,764-2,865 กิโลกรัม

    ภายใน Interior

    DENZA

    ภายในหรูหราสง่างามเทียบเท่าคู่แข่งตั้งแต่เบาะนั่งหนังแท้ 7 ที่นั่งแบบ NAPPA โดยเบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่น ระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ทุกที่นั่งมีระบบอุ่นเบาะ มีพื้นที่ด้านหลังขนของได้ 410-570 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ และถ้าพับเบาะ 2,310 ลิตร ระบายอากาศ และนวดเพื่อผ่อนคลาย

    DENZA

    แผงคอนโซลหน้ามีจอสัมผัสขนาดใหญ่ลากเป็นแนวยาวประกอบด้วย จอสัมผัส 15.6 นิ้วรองรับ Apple Car Play และ Android Auto จอหลังเบาะคนขับคู่หน้า 2 จอขนา พร้อมลำโพง DYNAUDIO 14 จุด มีช่องเชื่อมต่อ USB ช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V มาตรวัด LCD 10.25 นิ้ว พร้อม จอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน ambient light มากถึง 128 สี กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 กุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start และที่ชาร์จมือถือไร้สาย

    พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันอัพเกรดในส่วนปุ่มการทำงานซ้าย-ขวาให้ไวขึ้นพร้อมระบบอุ่นที่พวงมาลัย จอสัมผัสยังเพิ่มฟังก์ชันความบันเทิงกับแอป Game Center เข้ามาด้วย ปรับในเรื่องระบบสั่งงานด้วยเสียง คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ปรับให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมสีภายในใหม่แบบ Broad-minded Rice

    สมรรถนะ Performance

    BYD

    ขุมพลังไฟฟ้าล้วนติดตั้งความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 103 kWh ที่มีด้วยกันถึง 2 ทางเลือกเริ่มที่ รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร ชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 620 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 600 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.5 วินาที

    รุ่นท็อปมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเท่ากัน มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าให้กำลังเท่ากันแต่เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 61 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 374 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร โดยชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที

    ทั้งคู่มีทั้งชาร์จช้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังไฟสูงสุด 166 kW ชาร์จเร็ว 10 นาที เพิ่มระยะทาง 150 กิโลเมตร รองรับ V2L มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ ติดตั้งกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C ช่วยปรับระดับการกระแทกของระบบกันสะเทือนโดยระบบประมวลผล ซึ่งควบคุมด้วยโซลินอยด์วาล์วเพื่อช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกถึงความสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับระบบกันสะเทือนทั่วๆไป

    ความปลอดภัย Safety

    DENZA

    • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
    • ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)

    DENZA

    พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง

    • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
    • เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
    • ควบคุมการทรงตัว EPS ป้องกันล้อหมุนฟรี
    • ควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
    • ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
    • เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
    • สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
    • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
    • เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
    • ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
    • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3
    • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
    • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารวม 9 จุด
    • กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
    • สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง

    DENZA

    DENZA D9 ผลิตที่โรงงานเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ประเทศจีนตั้งแต่ 23 สิงหาคมและเตรียมส่งไปขายทั้ง ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย และเมืองไทย ภายในปีนี้เป็นต้นไป

    ที่มา Sgcarmart

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts