ในยุคที่ต้องเว้นระยะห่าง หรือไม่อยากออกจากบ้านไปพบเจอผู้คนมากมายในการทำธุรกรรมต่างๆแบบนี้ การมีสื่อหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิต เป็นเรื่องที่ช่วยได้อย่างมาก ซึ่งในภาวะ โรคระบาด จาก ไวรัสโควิด 19 ทำให้หลายๆธุรกรรมที่ยังไม่มีการใช้งานเทคโนโลยีออนไลน์จะต้องหยุดชะงัก ผู้คนต้องขาดการติดต่อ หรือรับผิดชอบในธุรกรรมนั้นๆ กันมากมาย ซึ่งทางกรมขนส่งทางบกได้ตระหนักถึงวิกฤตตรงนี้ จึงได้นำเทคโนโลยีที่จะช่วยให้การต่อภาษีรถยนต์ของคุณง่ายขึ้น เพื่อความปลอดภัยและเป็นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่ปลายนิ้ว มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีการอย่างไรบ้าง
การต่อภาษีรถยนต์ หรือ การต่อทะเบียนรถยนต์ ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำตามกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ที่มีรถยนต์ไว้ในครอบครอง เจ้าของรถยนต์ทุกคันจะต้องรับผิดชอบ และต่อภาษีรถยนต์ทุกปี สามารถต่อล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน เพราะหากมีการล่าช้าจะต้องเสียค่าปรับ หรือขาดชำระติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี คุณจะถูกระงับการใช้ทะเบียนรถยนต์ แถมยังเสียเวลาไปทำเรื่องขอทะเบียนใหม่ ถ้าไม่อยากยุ่งยากแบบนี้ ไม่ควรปล่อยให้ภาษีรถยนต์ขาด
แต่ในปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้คนมีความวุ่นวาย และยุ่งยากอย่างมาก ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสที่เป็นวงกว้างขึ้น และยังติดง่ายขึ้น จะออกจากบ้านไปไหนมาไหนก็ระแวงไปหมด เป็นกังวลกับเรื่องโรคระบาดกันซะส่วนใหญ่ จึงไม่แปลกที่จะหลงลืม และไม่ได้ให้ความสนใจเรื่อง การต่อภาษีรถยนต์
การเลือกต่อภาษีรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ใช่รถทุกประเภทที่สามารถต่อได้ ดังนั้นจึงต้องทราบว่ารถคุณเป็นรถยนต์ประเภทไหน มีการต่อทะเบียนมานานกี่ปี ประเภทรถยนต์ที่สามารถต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ มีดังนี้
– ประเภทรถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ รถมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคล
– ประเภทรถมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคล จดทะเบียนไม่เกิน 5 ปี
– ประเภทรถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ จดทะเบียนไม่เกิน 7 ปี
– ประเภทรถ ค้างจ่ายภาษีรถยนต์ไม่เกิน 1 ปี (ชำระภาษีล่วงหน้าไม่เกิน 3 เดือน)
*รถยนต์ที่มีการจดทะเบียนจังหวัดอะไร ก็สามารถทำการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้
เอกสารในการขอต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
– พ.ร.บ รถยนต์
– สำเนาทะเบียนรถยนต์ (กรณีรถติดไฟแนนซ์ให้ใช้สำเนาทะเบียนจากสถานบันการเงิน)
– ใบตรวจสภาพรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่เกิน 7 ปี
– รถยนต์ติดแก๊ส ต้องยื่นเอกสารรับรองการติดแก๊สที่ถูกต้อง พร้อมใบตรวจสภาพจากวิศวกร
ขั้นตอนการต่อภาษี หรือ ต่อทะเบียนรถยนต์ออนไลน์
1. เข้าไปที่เว็บไซต์ “กรมการขนส่งทางบก” ผ่านอินเตอร์เน็ต หรือ คลิก https://www.dlt.go.th/th/
2. คลิก ชำระภาษีรถผ่านอินเตอร์เน็ต
3. ลงทะเบียนสมาชิก สำหรับผู้ที่ไม่เคยต่อทะเบียนออนไลน์ พร้อมกรอกข้อมูลเบื้องต้น อย่างเช่น เลขประจำตัวประชาชน ชื่อ ที่อยู่สำหรับการจัดส่งเอกสาร พร้อมขอรับรหัสผ่านเข้าสู่ระบบ
4. คลิก ยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี
5. สามารถชำระเงินต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ กับ ธนาคารและหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้
– ชำระเงินบัญชีออนไลน์ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
– ชำระผ่านบัตรเครดิตออนไลน์ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
– บริการรับชำระด้วยใบแจ้งชำระภาษีรถยนต์
– ชำระเคาน์เตอร์ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารธนชาติ ธนาคารทหารไทย เคาน์เตอร์เซอร์วิส ทรูมันนี่เซอร์วิส ธนาคารยูโอบี ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น
– ชำระผ่านตู้ ATM ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ เป็นต้น
– บริการชำระผ่านโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ ทรูมันนี่ เซอร์วิส
6. เมื่อทำตามขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย กรมการขนส่งทางบก จะจัดส่งใบเสร็จรับเงิน ให้ผู้ชำระเงินผ่านทางไปรษณีย์ โดยมีการชำระค่าจัดส่ง ดังนี้
– ค่าจัดส่งเอกสาร 40 บาท
– ค่าธรรมเนียมธนาคาร รายการละ 20 บาท กรณีหักผ่านบัญชีธนาคาร
– ค่าธรรมเนียมการใช้บัตร ร้อยละ 2 รวม Vat 7% (กรณีชำระผ่านบัตรเครดิต)
การต่อภาษีรถยนต์เป็นเรื่องที่ผู้ครอบครองรถยนต์ต้องรับผิดชอบ เมื่อรถยนต์ของคุณครบกำหนดที่จะต้องต่อภาษี เพราะเป็นข้อบังคับตามกฎหมายกรมการขนส่งทางบก ซึ่งการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มอบความสะดวกสบายสำหรับช่วงที่ต้องกักตัว หรือ เว้นระยะห่างทางสังคมแบบนี้ และตอบโจทย์ผู้คนในยุคดิจิทัลอย่างมาก เราขอแนะนำว่าอย่าปล่อยให้ทะเบียนรถยนต์ขาด เพราะจะได้ไม่เกิดปัญหาหากเกิดอุบัติเหตุหรือถูกตำรวจตรวจค้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลายุ่งยากนะคะ