ไทยเป็นประเทศที่สองต่อจากสิงคโปร์ในกลุ่มประเทศอาเซียนพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ DENZA D9 เอ็มพีวีหรูพลังไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย
DENZA D9 มาพร้อมหน้าตาเน้นหรูหราด้วยชุดกระจังหน้าทรงทึบสีเงินแนวตั้ง 12 ซี่ คล้าย Alphard ปะตราโลโก้เด่น พร้อมขอบสีเงินล้อมรอบด้านหน้ารถแบบเต็มๆไฟหน้า LED ดีไซน์หรู ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime
พร้อมชุดตกแต่งสีเงินที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า และ ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 ติดตั้งออปชันเสริมความสบายด้วยประตูดูดไฟฟ้าทั้งในส่วนประตูคู่หน้าและประตูสไลด์สองฝั่ง
พื้นฐานคันนี้จาก e-Platform 3.0 ที่พัฒนาเฉพาะสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าที่เป็นเอกสิทธิ์ของ BYD มิติตัวรถมีดังนี้
- ความยาว 5,250 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,920 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 155 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,764-2,865 กิโลกรัม
ภายในหรูหราสง่างามเทียบเท่าคู่แข่งตั้งแต่เบาะนั่งหนังแท้ 7 ที่นั่งแบบ NAPPA โดยเบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่น ระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์
โต๊ะพับและที่วางแก้ว ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ทุกที่นั่งมีระบบอุ่นเบาะ มีพื้นที่ด้านหลังขนของได้ 410-570 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ และถ้าพับเบาะ 2,310 ลิตร ระบายอากาศ และนวดเพื่อผ่อนคลาย
แผงคอนโซลหน้ามีจอสัมผัสขนาดใหญ่ลากเป็นแนวยาวประกอบด้วย จอสัมผัส 15.6 นิ้วรองรับ Apple Car Play และ Android Auto จอหลังเบาะคนขับคู่หน้า 2 จอขนา พร้อมลำโพง DYNAUDIO 14 จุด มีช่องเชื่อมต่อ USB ช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V มาตรวัด LCD 10.25 นิ้ว
พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display ขนาด 12 นิ้ว มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน ambient light มากถึง 128 สี กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 กุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start และที่ชาร์จมือถือไร้สาย
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันอัพเกรดในส่วนปุ่มการทำงานซ้าย-ขวาให้ไวขึ้นพร้อมระบบอุ่นที่พวงมาลัย จอสัมผัสยังเพิ่มฟังก์ชันความบันเทิงกับแอป Game Center เข้ามาด้วย ปรับในเรื่องระบบสั่งงานด้วยเสียง คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ปรับให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมสีภายในใหม่แบบ Broad-minded Rice
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนมีด้วยกันถึง 2 ทางเลือกจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 103.36 kWh เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตรวิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 9.5 วินาที
รุ่นท็อปมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อโดยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 61 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 374 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที
มีชาร์จ 2 รูปแบบทั้งชาร์จช้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังไฟสูงสุด 166 kW ชาร์จเร็ว 10 นาที เพิ่มระยะทาง 150 กิโลเมตรรองรับ V2L
มาพร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ โดยด้านหน้ามาในช่วงล่างแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังมาแบบมัลติลิงค์ พร้อม DiSus-C ช่วงล่างอัจฉริยะช่วยปรับระดับการกระแทกโดยระบบประมวลผลควบคุมด้วยโซลินอยด์วาลว์เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกถึงความสบายในการเดินทางมากขึ้นในรุ่น Performance AWD พร้อมความปลอดภัยรอบคันด้วย ADAS ประกอบด้วย
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTB)
- ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
- ช่วยช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ (HBA)
- ช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
- ช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (DMS)
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
- จดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)
- ช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว ป้องกันล้อหมุนฟรี ESC ควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารวม 9 จุด กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติสัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
DENZA D9 ผลิตที่โรงงานเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ประเทศจีนในราคาจำหน่ายดังนี้
- รุ่น Premium ราคา 1,999,900 บาท*
- รุ่น Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท
เฉพาะผู้ที่จองรุ่น Premium ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน- 31 ธันวาคม 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้นมาพร้อมราคาพิเศษ* และสำหรับผู้ที่จองรุ่น Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้งเพิ่มอีกด้วย