ค่ายรถเมืองฮิโรชิมาอย่าง Mazda พร้อมส่งรถใหม่ต้อนรับปีใหม่ปี 2025 กับการแนะนำ Mazda CX-60 รุ่นปี 2025 หรือ Model Year 2025
ด้วยการเพิ่มรุ่นย่อย 2 รุ่นในส่วนเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV สำหรับ Mazda CX-60 ทั้งรุ่น XD SP และรุ่นพิเศษ XD-HYBRID Trekker
เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D รุ่น XD SP มาแทนรุ่น XD และรุ่น XD S Package และรุ่นพิเศษ XD-HYBRID Trekker จากพื้นฐานรุ่น XD-HYBRID Exclusive มาในรูปแบบสปอร์ตเข้มแต่แฝงไว้ด้วยความหรูด้วยชุดแต่งสีดำทั้งคันตั้งแต่
กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงไส้ในรังผึ้งติดโลโก้ Mazda แนวเข้มสีดำเปียโนแบล็ก พร้อมปีกกระจังหน้าโครเมียมรมดำ กรอบกระจกสีดำ กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว LED สีดำเงา ตราสัญลักษณ์ INLINE6 โดดเด่นบนช่องระบายอากาศด้านข้างตัวถังแบบสีดำและล้ออัลลอยลายเข้มสีดำขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 235/50R20
จุดต่างทั้ง 2 รุ่นนี้อยู่ที่ชุดกันชนหน้าดีไซน์คนละแบบกันเริ่มที่รุ่น XD SP ไม่มีกรอบไฟตัดหมอกหน้าทรงบูมเมอร์แรง ส่วนล่างของชุดกันชนหน้า คิ้วชายล่างด้านข้างตัวถัง และกันชนหลังมาแบบสีดำ ส่วนรุ่น XD-HYBRID Trekker มาแบบสีเดียวกับตัวรถพร้อมสีเขียวอ่อน Zircon Sand Metallic หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ และติดตั้งตาข่ายกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สัมภาระเข้าไปในแถวที่สองหรือเบาะหน้าในกรณีที่เบรกกะทันหันหรือเกิดอุบัติเหตุ
ส่วนรุ่นปกติยังคงเดิมด้วยหน้าตาหรูด้วยกระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงแนวเข้มมาเท่ด้วยไฟหน้า Projector แบบ LED กันชนหน้าทรงเท่ คล้ายกับ Mazda CX-50 ผสมกับ Mazda BT-50 และที่สังเกตุคือท่อไอเสียคราวนี้มาในแบบท่อไอเสียคู่ สองฝั่ง ซ่อนอยู่ใต้กันชนหลังและช่องลมข้างบังโคลนแบบโครเมียมกับเส้นสายตัวรถที่จะคล้ายกับ Mazda CX-5 เจนปัจจุบัน ล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60 R18 กับ 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20 ตัวรถพัฒนาใหม่หมด มีขนาดใหญ่กว่ารุ่น CX-5 เจนปัจจุบันตั้งแต่
- ความยาว 4,740 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,685 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 175-180 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,690-2,100 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 50 และ 58 ลิตร
ภายในหรูเทียบเท่ารถยุโรปพรีเมียมด้วยมาตรวัดดิจิทัล TFT-LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ Mazda Connect infotainment รองรับ Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto ผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมลำโพงคุณภาพ BOSE 12 จุด และจอแสดงการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Windshield Active Driving Display ขนาดใหญ่กว่าถึง 3 เท่า
การตกแต่งมาแบบโทนสีใสๆ ด้วยโทนสีขาวหรือสีเทาอ่อน สดใส และสีเข้มด้วยการติดตั้งวัสดุคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นลายไม้เมเบิ้ล หรือ Mable Wood วัสดุหุ้มหนังแท้ NAPPA รวมถึงการใช้ผ้าทอแบบญี่ปุ่น และการตกแต่งโครเมียม โดยเป็นการตกแต่งภายในรูปแบบ “MUSUBU” โดยได้แรงบันดาลใจจากการเย็บเดินด้ายในชุดแผงมาตรวัดแบบประณีต และ รูปแบบดีไซน์ภายในภายใต้แนวคิด Kaichô หรือ ความกลมกลืนที่มาจากการผสมวัสดุและพื้นผิวที่แตกต่างกัน พร้อมพื้นที่การขนของมากถึง 477 ลิตร ในรุ่น PHEV กับ 570 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลงมีพื้นที่ถึง 1,726 ลิตร
ขุมพลังดีเซลสุดประหยัดผนวกกับถ่านก้อนเล็กสุดแบบ Mild Hybrid ทำงานร่วมกันก่อเกิดความแรงด้วยดีเซลเทอร์โบ e-Skyactiv D ขนาด 3.3 ลิตร 6 สูบ รหัส T3-VPTH ให้กำลัง 254 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 550 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบ M Hybrid Boost 48 V โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้า 17 แรงม้าที่ 900 รอบต่อนาที แรงบิด 153 นิวตันเมตรที่ 200 รอบต่อนาที พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กสุด 0.09 kWh (12 V 7.5 Ah) สงวนเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ i-Activ AWD
ขุมพลังเสียบปลั๊กหรือ Plug In Hybrid e-SKYACTIV PHEV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร 4 สูบ รหัส PY-VPH 188 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 175 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 270 นิวตันเมตรที่ 400 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ลิเทียมไออนที่มีความจุ 17.8 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 61-63 กิโลเมตร และทำงานร่วมกันจะได้พลังมากถึง 327 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร สงวนเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ i-Activ AWD
ทางด้านสันดาปล้วนไร้ถ่าน SKYACTIV มีให้เลือกทั้งดีเซลเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียงกับ SKYACTIV-D 3.3 ลิตร 6 สูบแถวเรียงรหัส T3-VPTS 231 แรงม้าที่ 4,000-4,200 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อน 4 ล้อ i-Activ AWD และเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ รหัส PY-VPS 188 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อน 4 ล้อ i-Activ AWD
ทุกขนาดขุมพลังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 8 สปีด พร้อมระบบการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) ที่เลือกได้ถึง 5 โหมดได้แก่ Namely Normal, Sport, Off-Road, Towing และ EV มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการทรงตัวขณะเข้าโค้ง KPC (Kinematic Posture Control) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะช่วยให้รถทำงานผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ จานเบรกหน้ามีขนาด 347 มิลลิเมตร และด้านหลัง 328 มิลลิเมตร
โดยในรุ่นปี 2025 ทุกรุ่นมีการปรับในส่วนการปรับเซตช่วงล่างอิสระ 4 ล้อเน้นเปลี่ยนสปริงและโช้คอัพเป็นหลัก เพื่อปรับปรุงเสถียรภาพในการควบคุมและความสบายในการขับขี่ การควบคุมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้รับการปรับให้เหมาะสม รวมถึงการเก็บเสียงทุกจุดเพื่อลดเสียงและการสั่นสะเทือนต่างๆในขณะขับขี่และความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE อาทิ
- กล้องรอบคัน 360 องศา 360-degree View Monitor
- แจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ Vehicle Exit Warning
- ตีความป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
- ช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance Advanced Smart City Brake Assist with pedestrian and cyclist detection and intersection function
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติสำหรับถอยหลัง Rear Emergency Brake Assist with pedestrian detection,
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist with Steering Assist
- ตรวจจับภาวะหลับในขณะขับขี่ยานพาหนะ Drowsiness Detection
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind Spot Monitoring
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ i-Adaptive Cruise Control
ออกตัวบนทางลาดชัน Hill Launch Assist ไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน Emergency Stop Signaling System และถุงลมนิรภัยรอบคัน
Mazda CX-60 MY2025 ขายจริงที่ญี่ปุ่น 21 กุมภาพันธ์ 2025 มีทั้งหมด 10 เกรดความหรูตั้งแต่รุ่น Premium Modern, Premium Sports, Trekker, Exclusive Sports, Exclusive Modern, Exclusive Mode, L Package, SP, L Package และ S Package 20 รุ่นย่อย ประกอบที่โรงงาน Hofu Plant No. 2
ในราคาเริ่มต้น 3,267,000-6,462,500 YEN หรือราว 725,000–1,430,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) แต่ถ้ามีการนำเข้ามาขายในไทยจะอยู่ที่ 2,275,000 – 6,125,000 บาท ทางด้านไทยจะเข้ามาขายหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา CarWatch