หลังจากเปิดตัวรุ่นปรับโฉมสำหรับ XPENG G6 ไปได้ไม่นานล่าสุด เอ็กซ์เผิง เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ของ XPENG G9 MY2025 อย่างเป็นทางการในจีน
XPENG G9 MY2025 มาในร่างเอสยูวีทรงสปอร์ตไซซ์กลาง 5 ที่นั่งภายนอกแทบไม่มีการปร้บเปลี่ยนเหมือนรุ่นน้อง G6 จากแนวทางดีไซน์แบบ X Robot Face 3.0
ภายนอกปรับเล็กน้อยโดยช่องระบายอากาศใหม่ทรงสามเหลี่ยมแบบเส้นแนวนอนระยิบระยับไฟหน้าใต้ไฟใหญ่ LED ออกแบบใหม่และยังเพิ่มประตูสุญญากาศหรือประตูดูด และฝาท้ายเปิดปิดอัตโนมัติ
นอกนั้นคงเดิมทั้งเริ่มที่แถบไฟ LED DRL แนวยาวตลอดแบบ Galaxy Light Wing โลโก้ X มาอยู่บนฝากระโปรงหน้า เพิ่มไฟแสดงสถานะสีน้ำเงินเพื่อบอกถึงการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/50R20 และมี 2 ขนาดทั้งขนาด 19 นิ้วพพร้อมยาง 255/55R19 และ 21 นิ้วพร้อมยาง 255/45R21
ไฟหน้า LED สองฝั่งฝังในชุดกันชนหน้าทรงเดิม ราวหลังคาบิ๊วอิน กระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถัง Panoramic Glass Roof หลังคากระจกแบบพาโนรามาตกแต่งหลังคาด้วยสีดำ ไฟท้าย LED แนวยาว ลงตัวกับกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ
ตัวรถพัฒนาบนพื้นฐาน SiC Platform ตั้งแต่ความยาว 4,891 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,937 มิลลิเมตร ความสูง 1,860 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,998 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,190-2,435 กิโลกรัม และความจุช่องใส่ของใต้ฝากระโปรงหน้า 71 ลิตร
ภายในปรับในส่วนของพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัด 2 ก้านดีไซน์ใหม่ ออกแบบปุ่มใหม่ 2 ข้าง นอกนั้นคงเดิมทั้ง แผงคอนโซลหน้าออกแบบช่องแอร์อย่างหรู สามารถจับเลื่อนทิศทางลมได้ตามต้องการ พร้อมไฟสร้างบรรรยากาศใหม่แบบ Galaxy Rhythm Ambient Light และเบาะนั่งด้านหน้าเพิ่มระบบเบาะเย็น อุ่นเบาะ และระบบนวด
บุหลังคาด้วยวัสดุหนัง ลดช่องว่างของแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูเพิ่มความประณิตบรรจงมากในของชุดแผงประตู คอนโซลหน้าและบริเวณกล่องคอนโซลกลางติดตั้งวัสดุหนังสัมผัสใหม่แบบนุ่ม
พร้อมออปชันครบครันทั้งหน้าจอสองจอเริ่มที่ มาตรวัดความเร็วดิจิทัล 10.25 นิ้ว จอสัมผัสคู่ขนาดใหญ่ 14.96 นิ้ว ประมวลผลเร็วด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295P รองรับเครือข่าย 5G เชื่อมต่อหลายจอ การฉายภาพข้ามอุปกรณ์ และการใช้งานแบบออฟไลน์ อัพเดททั้งเฟิร์มแวร์และซอฟท์แวร์อัตโนมัติ ผ่านระบบออนไลน์ (OTA-Over The Air) ช่วยให้มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยตลอดเวลา และทำให้ผู้ขับได้ใช้สิ่งที่ใหม่และทันสมัยก่อนใคร
ในชุดคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่าย คอนโซลกลางติดตั้งที่ชาร์จมือถือไร้สาย กำลังไฟสูง 50W พร้อมลำโพงมากถึง 21 จุดให้กำลังเสียงสูงสุดถึง 960 วัตต์ เบาะนั่งหุ้มกึ่งหนังแท้ปรับไฟฟ้าคู่หน้ามีระบบอุ่นเบาะและระบายอากาศด้วยความเย็นเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 มีที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 660 ลิตรกรณีไม่พับเบาะและ 1,576 ลิตร กรณีพับเบาะและโทนสีภายในเลือกได้ 3 สีทั้งสีน้ำตาล Morning Glory Brown, สีเทา Elegant Gray และสีใหม่กาแฟ Moon Shadow Coffee
มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดัน 800 โวลต์ เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มที่ร่่น Standard Range ให้กำลังมากขึ้นกว่าเดิมถึง 351 แรงม้า แรงบิด 465 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 79 kWh (เดิม 313 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร) ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับได้ไกลสุด 625 กิโลเมตร ตามาตรฐาน CLTC หรือ 603 กิโลเมตร (NEDC)
รุ่น Long Range รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลังจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (NMC) 93.1 kWh ให้กำลังมากขึ้นกว่าเดิมถึง 351 แรงม้า แรงบิด 465 นิวตันเมตร (เดิม 313 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร) ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับได้ไกลสุด 680 กิโลเมตร ตามาตรฐาน CLTC หรือ 656 กิโลเมตร (NEDC)
รุ่น 725 4WD Performance มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ พละกำลังสูงสุด 575 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 695 นิวตันเมตร (เดิม 551 แรงม้า แรงบิด 717 นิวตันเมตร) ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบตเตอรี่ 800V Technology (NMC) ขนาด 93.1 kWh วิ่งระยะทางสูงสุด 725 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 699 กิโลเมตร (NEDC)
ทั้ง 3 รุ่น รองรับ 5C Ultra-fast charging AI รองรับการชาร์จเร็วแบบพิเศษ ทั้งชาร์จ DC พร้อมชาร์จปกติ AC ได้ รองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo พร้อมระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid-Coolied Ultra-fast charging)
จ่ายกระแสไฟฟ้า 220V ให้อุปกรณ์ภายนอก V2L 3.3 kW ขณะที่เทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Cell to Body รวมเป็นส่วนเดียวกับโครงสร้างตัวถัง ก็เป็นที่ยอมรับว่าว่าดีที่สุดในปัจจุบัน และการขึ้นรูปตัวถังแบบ Die-cast Structure ทำให้ตัวถังมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ มีโหมดการขับขี่ถึง 9 โมหด
มาพร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะ AI Turing Intelligent Driving ให้รถสามารถขับขี่อัตโนมัติได้อย่างล้ำสมัยขับขี่ที่ฉลาดและลื่นไหลยิ่งขึ้นพร้อม XPILOT 2.5 หรือ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่ง LiDAR ประกอบด้วย
ชิปประมวลผลความเร็วสูงของ Dual NVIDIA DRIVE Orin-X ระบบเรดาห์คลื่นมิลลิเมตรละเอียดสูง 3 จุด เซนเซอร์อัลตร้าโซนิค 12 จุด ระบบบกล้อง (พร้อมระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่) 11 จุด โดยใช้เซนเซอร์ทั้งหมด 26 จุด ปรับปรุงการรับรู้ภาพระยะไกลเพิ่มขึ้น 125% ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มขึ้น 40% และสามารถระบุตำแหน่งสิ่งกีดขวางทั้งแบบเคลื่อนที่ และหยุดนิ่งแม่นยำ
XPENG G9 MY2025 อัพเกรดใหม่ 66 จุดรอบคัน เปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการที่จีน 13 มีนาคมนี้ มาพร้อมรุ่นพิเศษ Black Warrior Edition ที่มาพร้อมของดำทั้งคันไม่ว่าจะเป็นสีภายนอกสีดำ ล้ออัลลลอยสีดำ โลโก้ดำ และซุ้มล้อดำ และเปิดขายพร้อมกับ XPENG G6 รุ่นปรับโฉม
ที่มา Carnewschina และ Autohome