Toyota bZ ชื่อของรุ่นปรับปรุงใหม่ของ bZ4x ในสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่แค่การรีแบรนด์เท่านั้น เพราะยังมีการอัปเกรดที่โดดเด่นในด้านสไตล์ เทคโนโลยี และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
เริ่มจากการออกแบบ bZ4x รุ่นก่อนหน้ามีด้านหน้าแบบ “hammerhead” หรือ เจ้าหัวค้อน รุ่นใหม่นั้นก้าวไปอีกขั้นด้วยไฟหน้า LED ที่คมชัดยิ่งขึ้นและช่องรับอากาศที่กันชนที่ดุดันยิ่งขึ้น การปรับแต่งเหล่านี้ได้รับการเสริมด้วยดีไซน์ล้ออัลลอยด์ใหม่ซึ่งมีให้เลือกในขนาด 18 หรือ 20 นิ้ว ทำให้รถครอสโอเวอร์รุ่นนี้มีรูปลักษณ์ที่ประณีตและเงางามยิ่งขึ้น
ส่วนภายนอกที่เหลือยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก บังโคลนมีให้เลือกใช้สีเดียวกับตัวรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับดีไซน์ แต่มีให้เลือกเฉพาะสีภายนอก Wind Chill Pearl, Heavy Metal และ Black เท่านั้น ดังนั้นตัวเลือกของคุณจึงค่อนข้างจำกัด
ฟังก์ชั่นภายในห้องโดยสาร แผงหน้าปัดได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยหน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ขึ้น 14 นิ้ว ซึ่งตอนนี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น จับคู่กับเครื่องชาร์จไร้สายคู่ และไฟส่องสว่างรอบห้องโดยสาร 64 สีที่ปรับแต่งได้
นอกจากนี้ โตโยต้ายังแนะนำแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่ด้านหลังพวงมาลัย ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับระดับการเบรกแบบสร้างพลังงานคืนได้
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงภายนอกและภายในจะค่อนข้างไม่มากนัก แต่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเกิดขึ้นภายใต้ฝากระโปรง และยังคงใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA แต่ทีมวิศวกรได้ปรับปรุงระบบส่งกำลังและตัวเลือกแบตเตอรี่อย่างมีนัยสำคัญ
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ในรุ่น AWD
- เดิม ให้กำลังรวม 215 แรงม้า (160 กิโลวัตต์ / 218 PS)
- ใหม่ ให้กำลังรวม 338 แรงม้า (252 กิโลวัตต์ / 343 PS)
มอเตอร์ตัวเดียวในรุ่น FWD
- เดิม 201 แรงม้า (150 กิโลวัตต์ / 204 PS)
- ใหม่ ให้กำลัง 221 แรงม้า (165 กิโลวัตต์ / 224 PS)
Toyota bZ รุ่น AWD มาพร้อมกับฟังก์ชัน X-Mode ซึ่งช่วยเพิ่มการยึดเกาะบนพื้นผิวลื่น
ที่สำคัญกว่านั้นยังให้ระยะการขับขี่เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับ bZ4x โดยสามารถวิ่งได้ประมาณ 505 กม./ชาร์จ การเพิ่มขึ้นนี้ต้องขอบคุณชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 74.7 kWh ซึ่งมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพื้นฐานแบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่ใช้ชุดแบตเตอรี่ขนาดเล็ก 57.7 kWh ซึ่งยังคงให้ระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจถึง 380 กม./ชาร์จ
ส่วนระบบชาร์จรองรับของอเมริกาเหนือ (NACS) เช่นเดียวกับ Subaru Solterra twin ที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงเครือข่าย Tesla Supercharger ได้
โดย Toyota อ้างว่าแบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 10% – 80% ในเวลาเพียง 30 นาที เมื่อเสียบเข้ากับเครื่องชาร์จ DC แบบเร็ว และยังมีฟังก์ชันปรับสภาพแบตเตอรี่ใหม่เพื่อการชาร์จที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
คาดว่ารุ่นใหม่นี้ จะวางจำหน่ายที่ตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในช่วงครึ่งหลังของปี โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์จะมีรุ่น XLE และ Limited ในรูปแบบทั้งขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมีตัวเลือกแบตเตอรี่ให้เลือกสองแบบ ราคาจะเปิดเผยเมื่อใกล้ถึงวันที่วางจำหน่าย
ปัจจุบัน Toyota bZ ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเดียวของบริษัทในอเมริกาเหนือ โดยโดดเด่นท่ามกลางรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ใช้น้ำมัน ไฮบริด และ PHEV และวางแผนที่จะเปิดตัวรถครอสโอเวอร์รุ่นเดียวกับ Subaru Trailseeker ในอนาคตอันใกล้ โดยขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าด้วยรถครอสโอเวอร์/SUV ที่ใหญ่ขึ้นและกว้างขวางขึ้น
Source: Carscoops