หลังจากเปิดตัวที่จีนไม่ทันไรสำหรับ MG5 ไมเนอร์เชนจ์เก๋งซีดานทรงสปอร์ต ที่จำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2020 และเป็นการปรับโฉมครั้งใหม่ที่ดูดีกว่าเดิม
ล่าสุดเตรียมแนะนำ MG5 MY2026 หน้าตาเดิมสปอร์ตซีดานแต่มีการปรับปรุงออปชันเพิ่มบางรายการให้ตรงใจคนเมืองมากที่สุด
ภายนอก Exterior
หล่อหนนี้นำโครงหน้าตาของ MG5 Scorpio หรือ MG5 PRO เวอร์ชันไทยการปรับความหล่อลดความสปอร์ตเพิ่มความภูมิฐานแทนคล้ายกับ MG3 Hybrid+
ตั้งแต่กระจังหน้า 3 มิติ แนวตั้ง 12 จุด ย้ายตราโลโก้ MG ไปอยู่ขอบกันชนหน้าส่วนบนรับกับกันชนหน้าใหม่ด้วยช่องระบายอากาศใต้กระจังหน้าและช่องรูปตัว C ซ้าย-ขวา ดีไซน์เอกลักษณ์ไฟหน้า LED ทรงเรียวเพรียวสปอร์ตพร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ในชุดกันชนหน้าขนาดใหญ่เส้นสายด้านข้างดูกลมกลืนประณีตพร้อมดีไซน์หลังคารถที่ลาดลงตามยุคสมัย กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวที่เปิดประตูดีงก้านสีเดียวกับตัวรถกันชนหลังออกแบบใหม่ด้วยลิ้นสปอยเลอร์รูปตัว H แผงทับทิมสีแดงซ้าย-ขวาใหม่ ท่อไอเสียหลอกๆคู่สองฝั่ง ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยดีไซน์ใบพัด 5 ก้านทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50R17 พร้อมมิติตัวรถดังนี้
- ความยาว 4,715 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,842 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,473 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,680 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร
- น้ำหนักรถ 1,318 กิโลกรัม
ภายใน Interior
เพิ่มออปชันเพิ่มความหรูหรากด้วยไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light มากถึง 256 สี เปลี่ยสีตามจังหวะเพลงและปรับความสว่างตามแสงภายนอก พร้อมลำโพงคุณภาพถึง 8 จุด ให้ระบบเสียงแบบเดียวกับโรงภาพยนตร์ความเที่ยงตรงสูง Hi-Fi ซับวูฟเฟอร์ 40Hz + จอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้วสามารถเชื่อมต่อระบบนำทางแบบหน้าจอคู่แบบเรียลไทม์และสมารถหรี่แสงในจอสัมผัสอัตโนมัติเวลาขับรถในอุโมงค์ได้
ภายในมาแบบทูโทนน้ำตาล/ดำ เริ่มที่แผงประตู คอนโซลหน้า ช่องแอร์ทรงสี่เหลี่ยมซ้ายขวาคิ้วสีเงินมาตรวัดดิจิทัลสีขนาด 12.3 นิ้ว จอสัมผัสระบบความบันเทิงใติดตั้งระบบอัจฉริยะ Zebra Venus ซึ่งรองรับการควบคุมด้วยเสียงการเชื่อมต่อฟังก์ชันอื่นๆ ทำให้การขับขี่สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start พร้อมช่องแอร์ตรงกลางใหม่คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ต่อเนื่องกับกล่องคอนโซลกลาง พร้อมหลังคาซันรูฟ
ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลพร้อมกรองอากาศ PM 2.5 กับช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง DIGITAL KEY สามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้เป็นกุญแจรถได้ หรือจะเลือกแชร์ให้คนที่คุณไว้ใจถึง 5 คน และระบบควบคุมการทำงานของรถผ่านสมาร์ตโฟน เบาะนั่งออกแบบใหม่ในโทนสีดำและสีแดงห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดมีพื้นที่เหนือศีรษะ (Headroom) ที่สูงโปร่ง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มีพื้นที่สัมภาระท้ายแบบไม่พับเบาะ 401 ลิตร
สมรรถนะ Performance
แรงแร้าใจด้วยเบนซินเทอร์โบ 15S4E ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 285 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ DCT 7 สปีด และเบนซินธรรมดา รหัส 15S4C VTi–TECH 129 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักอัจฉริยะตามความเร็ว EPS-PRO ช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลัง Torsion Beam แบบสปอร์ตแปรผันตามความเร็ว พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ
ความปลอดภัย Safety มาครบ
- โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame)
- ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System)
- กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
- เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) พร้อมป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
- ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Brake (AEB)
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
- กุญแจนิรภัย Immobilizer
- ล็อกประตูอัตโนมัติ
- สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีการเบรกกะทันหัน Emergency Stop Signal (ESS)
- กล้องมองหลังทำงานพร้อมกับกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 540 องศา
- ไฟเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัย seatbelt reminder (SBR) สำหรับด้านหน้าและด้านหลัง
- เข็มขัดนิรภัยแบบกลไกดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติทั้งด้านหน้าและด้านหลัง Pretensioner with Load Limiter Safety Belt
- ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
- จุดยึดเบาะเด็กแบบ ISOFIX
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (FOLLOW ME HOME LIGHT)
MG5 MY2026 มาพร้อม 2 สีใหม่ทั้งสีส้ม Bubble Orange และสีเทา Andes Gray เตรียมเปิดราคาขายที่จีนในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ คาดค่าตัวอาจเพิ่มขึ้นจากเดิม 81,900-95,900 YUAN หรือราว 385,000-454,000 บาท