More

    BYD M9 เอ็มพีวีปลั๊กวิ่งไกล 945 กม.ขายเม็กซิโกเริ่ม 1.695 ล้านบาท

    BYD M9 หรือ BYD XIA เอ็มพีวีหรูจากตระกูล Dynasty โกอินเตอร์ขายนอกเมืองจีนและเม็กซิโกคือหมุดหมายแรกเวอร์ชันพวงมาลัยซ้าย

    BYD

    BYD M9 หรือ BYD XIA เอ็มพีวีหรูพลังปลั๊กอินไฮบริดโดดเด่นเป็นตัวของตัวเองตามสไตล์ Dragon Face

    หรูหราเด่นสง่า

    • กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ชุบโครเมียมพร้อมคือโลโก้ BYD ปักอยู่บนกระจังหน้า
    • ไฟหน้า LED กับไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกันทรงยาว
    • ชุดตกแต่งสีเงินโครเมียมที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง
    • ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential
    • หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า
    • ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18

    สัดส่วนของตัวรถเมื่อเทียบกับ DENZA D9 พบว่าตัวรถสั้นกว่า 105 มิลลิเมตร กว้างกว่า 10 มิลลิเมตร ความสูงเตี้ยกว่า 115 มิลลิเมตร และฐานล้อสั้นกว่า 65 มิลลิเมตร มีดังนี้

    • ความยาว 5,145 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,970 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,805 มิลลิเมตร
    • ฐานล้อ 3,045 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 2,650 กิโลกรัม
    • ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร
    • ความสูงจากใต้ท้องรถ 140 มิลลิเมตร

    BYDภายในมีสไตล์

    • ห้องโดยสารอัจฉริยะ DiLink 150 Cockpit
    • แผงคอนโซลหน้าเป็นศูนย์นรวมของชุดมาตรวัดความเร็วแนวนอนขนาด 12.3 นิ้ว จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ จอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า HUD 26 นิ้ว
    • ลำโพง 12 จุด

    BYD

    • มีจอสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า 12.3 นิ้ว และจอเพดานพับเก็บได้ขนาด 15.6 นิ้ว อัปเกรดเป็นระบบ DiLink150 โดยใช้ชิป AI ปรับแต่งของ BYD 9000 ซึ่งสามารถเชื่อมโยงหน้าจอทั้งหมดและเปิดใช้งานการเชื่อมต่อกับคอนโทรลเลอร์เกมภายนอกและแว่นตา AR (รุ่นท็อป)
    • กระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่ง (รุ่นท็อป)
    • ลำโพงจาก DiSound 28 จุด เพาเวอร์แอมป์แยกอิสระ 32 ชาแนล พร้อมซับวูฟเฟอร์แถวที่สามสามารถแยกเป็นลำโพงบลูทูธสำหรับกลางแจ้งได้ด้วยกำลังไฟภายนอก 170 วัตต์ (รุ่นท็อป)
    • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด
    • ที่ชาร์จมือถือไร้สายคู่กำลังการชาร์จ 50W
    • ช่องเก็บของหลายจุด
    • ที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด
    • พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด
    • กุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะPush Start
    • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระพร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5

    BYD XIA

    ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน พร้อมลำโพง ระบบกุญแจ NFC ไฟสร้างบรรยากาศ ambient lights ภายในปรับโทนสีภายในเป็นสีดำผสมสีน้ำตาลเน้นความล้ำสมัยหุ้มหนัง NAPPA มาแบบ 7 ที่นั่งแบบ 2+2+3 เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า แถวที่ 2 เบาะนั่งมาแบบ Captain Seat VIP ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมถาดสารพัดประโยชน์พับเก็บได้ในตัวเบาะจะมีปุ่มควบคุมบางอย่างอยู่ที่ด้านหลังของคอนโซลกลาง

    BYD

    เบาะ 2 ตอนหน้ามาพร้อมระบบอุ่นเบาะและเบาะเย็น รวมถึงระบบนวดฝั่งคนขับ เบาะนั่งตอนที่ 3 ปรับพับราบไปกับพื้นได้ด้วยระบบไฟฟ้าด้วยปุ่มเดียวสามารถเลื่อนหน้าเลื่อนหลังได้สูงสุด 100 มิลลิเมตร และยังมีเบาะนั่งแถวที่ 2 มาแบบ zero gravity เพื่อสรีระที่แตกต่างปรับเอนได้มากขึ้นพร้อมฟังก์ชันนวด 10 จุดและความจำตำแหน่งเบาะ มีพื้นที่ท้ายรถมีความจุ 459-570 ลิตร ขยายได้สูงสุด 2,036 ลิตรเมื่อพับเบาะ

    มีช่องสำหรับผู้โดยสารด้านหลังใช้งานระหว่างเบาะนั่งแถวที่ 2 ทั้งสองตัวมีทางเดินเล็กๆ สำหรับเข้าสู่แถวที่ 3 ผู้โดยสารแต่ละคนในแถวที่ 3 ดูเหมือนว่าจะมีที่รองศีรษะที่ปรับได้ 3 จุด มีตู้เย็นบริเวณตอนที่ 2 เก็บอุณหภูมิความเย็นตั้งแต่ -6 จนถึง 6℃ และอุ่นความร้อนที่อุณหภูมิ 35-50℃

    BYD

    สมรรถนะของคันนี้มาในแบบ Plug In Hybrid DM-i เจนที่ 5 แบบเบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQB กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่น TZ210XYD ให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่แบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) จาก BYD ให้ความจุแบต 20.39 kWh

    วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 95 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC  วิ่งไกลทั้งระบบ 945 กิโลเมตร (NEDC) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.1 วินาที ประหยัดทั้งระบบ 17.8 กิโลเมตรต่อลิตร (NEDC) ชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 73 kW ภายใน 18 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 7 kW

    BYD

    มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) 6kW สามารถจ่ายกระแสไฟได้ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ นุ่มนวลถึงใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อและระบบการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) โดยเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าและอาจเสริมรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตามมาด้วย กับช่วงล่าง DiSus-C ปรับความหนืดได้เหมาะสมตามสภาพพื้นผิวการจราจร พร้อมปรับปรุงชิ้นส่วนช่วงล่างด้านหลัง ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ DiPilot ADAS ที่มาอย่างครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงได้แก่

    • ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go
    • ช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control (ICC)
    • ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
    • ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB)
    • ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS)
    • ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW with RCW)
    • ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
    • ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB)
    • ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP)
    • ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA)
    • ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW)
    • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)

    ความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ถุงลมนิรภัยรอบคัน ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC) และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

    BYDBYD M9 มีให้เลือกถึง 3 สีได้แก่ สีเทาออกฟ้า Atlantis Grey, สีขาว Snow White และสีดำ Obsidian ขายรุ่นเดียวคือรุ่น GL ในราคา $979,800.00 pesos หรือราว 1,695,000 บาท

    ที่มา BYD

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts