More

    MG HS Hybrid+ ฟูลไฮบริด 224 แรงม้า ขายออสซี่เริ่ม 915,000 บาท

    หลังจากแนะนำ MG HS Super Hybrid พลังปลั๊กอินไฮบริดและเปิดราคาล่าสุดเปิดราคาอีกรุ่นนั่นคือ MG HS Hybrid+ พลังฟูลไฮบริดสำหรับคนที่ไม่ชอบการชาร์จ

    MG

    MG HS Hybrid+ หน้าตาไม่ต่างจากเวอร์ชันสันดาปเริ่มที่ไฟหน้า LED ทรงสปอร์ตด้านหน้าด้วยช่องระบายอากาศทรงรังผึ้งขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ MG ติดบนกระจังหน้าทรงทึบ

    ประกบไฟหน้า LED ทรงสปอร์ต และไฟตัดหมอกหน้า LED ด้านข้างกลมกลืนด้วยเส้นสายลงตัว พร้อมกระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดึงก้าน กรอบกระจกโครเมียม ราวหลังคาทรงบิ๊วอินน์ ไฟท้าย LED แนวยาวครอบทับด้วยเส้นแนว สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 LED ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้ามีฟังก์ชั่นปรับระดับสูง-ต่ำ พร้อมสั่งการผ่านทางรีโมทคอนโทรล กันชนหลังโดดเด่นเสริมสปอร์ตด้วยดิฟิวเซอร์สีดและท่อไอเสียคู่ และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ลาย diamond cut พร้อมยาง 225/55R19

    พร้อมมิติตัวรถดังนี้ความยาว 4,670 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิมเตร ความสูง 1,655 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,656 กิโลกรัม ระยะต่ำสุดจากพื้น 167 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร

    MG

    แผงคอนโซลหน้าติดตั้งจอคู่รวบรวมการทำงานของแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard 12.3 นิ้วและจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว คมชัดแบบ HD สามารถเลื่อนจอไปยังตรงกลางหรือเข้าหาฝั่งคนขับ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto ปรับแสงจดมีทั้งแบบ สว่างและมืด และ 3 โหมดทั้ง แผนที่, ดิจิตอล, ADAS

    รวมถึงระบบนำทางด้วยดาวเทียม Satellite Navigation มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงโดยไม่จำเป็นต้องใช้มือสัมผัส ประมวลผลเร็วด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 พร้อมลำโพง 6 กับ 8 จุด ช่องเสียบ USB 4 จุดหน้า-หลัง ที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charging ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถ รวมถึงการเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายยิ่งขึ้น

    MGพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด D-shape มีช่องแอร์เชื่อมต่อกับชุดคอนโซลหน้าอย่างลงตัว พร้อมหัวเกียร์หุ้มหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกรองอากาศ PM 2.5 กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start  เบรกมือไฟฟ้า และ AUTO HOLD หลังคา Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ NVH Luxury Silence Space และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร

    เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนังปรับด้วยระบบไฟฟ้าฝั่งคนขับ 6 ทิศทางพร้อมดันหลังและบันทึกความจำตำแหน่งเบาะ คนนั่งปรับได้ไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมอุ่นเบาะ 3 ระดับ เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่สัมภาระตอนพับเบาะมากถึง 1,484 ลิตร แต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 507 ลิตร ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 เฉดสี

    MG

    ขุมพลังเป็นแบบฟูลไฮบริดพื้นฐานเครื่องยนต์เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร รหัสใหม่ GS6 พัฒนากำลังสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 143 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 3,000-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 199 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร และขนาดความจุแบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุ 1.83 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวมสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิดรวม 340 นิวตันเมตร โดยเคลมความประหยัดถึง 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 5.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร

    คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Three-speed พร้อมการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดได้สามโหมด Eco, Standard และ Sport สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียวๆคาด 80 กิโลเมตร และยังมีโหมดการขับขี่พิเศษ Hybrid+ เลือกได้แบบอัตโนมัติทั้ง EV, Series, Series and Charge, Drive and Charge และ Parallel ระบบชาร์จในระหว่างขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) หรือ KERS (Kinetic Energy Recovery System) สามารถสามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ

    ช่วงล่างด้านหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างหลังแบบ Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งหน้าและหลัง ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลังและติดตั้งระบบ MG PILOT ที่เป็นเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ประกอบด้วย

    • เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและจักรยาน Active Emergency Braking with Pedestrian and Bicycle Detection (AEB)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA)
    • ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning System (LDW)
    • ช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Detection (BSD)
    • ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA)
    • เตือนความเมื่อยล้าผู้ขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)
    • ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ Forward Collision Warning (FCW)
    • ช่วยเตือนขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
    • ช่วยเตือนการเปิดประตู Door Open Warning (DOW)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Traffic Jam Assist (TJA)
    • จำกัดความเร็วอัจริยะ Intelligent Speed Limit Assist (ISLA)
    • กล้อง 360 องศา (Around View Monitor)

    MG

    นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัยอาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และ ม่านถุงลมนิรภัย สัญญาณเตือนระยะเดินหน้า-ถอยหลัง กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง Tire Pressure Monitoring System (TPMS) ควบคุมการทรงตัว Electronic Stability Program (ESP) ออกตัวบนทางลาดชัน Hill Launch Assist (HLA) เบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ Follow Me Home

    MG

    MG HS Hybrid+ เจนใหม่เปิดตัวออสเตรเลีย 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Excite และ Essence โดยรถมาถึงโชว์รูมออสเตรเลียกันยายนพร้อมกับ MG HS Super Hybrid ในราคารวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road (Drive-Away) ของออสเตรเลียเริ่ม $42,990-$46,990 หรือราว 915,000-999,000 บาท มาพร้อมสีภายนอก

    • สีขาว White Pearl
    • สีดำ Black Pearl
    • สีบอรนซ์เงิน Sterling Silver Metallic
    • สีเทา Hampstead Grey Metallic
    • สีแดง Dynamic Red Tri-coat

    ที่มา Carexpert

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts