จากเหตุปัจจัยเรื่องต้นทุนชิ้นส่วนและโลจิสติกส์ที่สูงขึ้นทำให้ Honda ตัดสินใจปรับราคา Honda JAZZ ขึ้นอิงตามตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง
นอกจากราคาที่ปรับขึ้นแล้วยังมีการแนะนำรุ่นปี 2026 หรือ MY2026 อย่างเป็นทางการด้วยการปรับรายละเอียดออปชันของรุ่นย่อยรวมถึงเพิ่มสีใหม่
ภายนอกสีใหม่
Honda Jazz รุ่น CROSSTAR
- สีเขียว “Botanical Green Pearl” เป็นสีเฉพาะรุ่น CROSSTAR
- สีน้ำเงิน “Seabed Blue Pearl” ในรุ่นปกติ
นอกจากสีใหม่แล้วรุ่น CROSSTAR มีการปรับลุคใหม่เน้นผจญภัยมากขึ้นทั้งกระจกมองข้างทรงสปูนจากสีดำเป็นสีเงิน ที่จับประตูดึงก้านจากสีดำเป็นสีเดียวกับตัวรถ ชุดกรอบป้ายทะเบียนส่วนบนด้านท้ายติดตราโลโก้ H จากสีเดียวกับตัวรถมาเป็นสีเงิน
- กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าทำงานสัมผัสกับการล็อกและปลดล็อกประตูรถด้วยรีโมต
- กระจังหน้าโครเมียม
- สเกิร์ตเข้ามุมกันชนหน้าซ้าย-ขวา
- กระจกมองข้างทรงสปูน
- สเกิร์ตข้าง
- ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 185/60R15 และขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 185/55 R16
- กรอบป้ายทะเบียนหลัง
- สปอยเลอร์ท้าย
- เสาอากาศครีบฉลาม
- กระจังหน้าขยายกรอบให้ชนกับขอบไฟหน้า LED และไฟ DRL ในตัวอย่างกลมกลืน
- กันชนหน้าดีไซน์เท่ ด้านท้ายมีไฟท้าย LED
ภายในปรับเปลี่ยน
รุ่น CROSSTAR อารมณ์ใหม่เน้นสีสันมากขึ้นด้วย
- แผงคอนโซลหน้าสีดำพร้อมการตกแต่งใหม่เป็นสีกรมท่าจากเดิมสีเทาบริเวณวัสดุหนังสัมผัสบริเวณแผงคอนโซลหน้า ที่ท้าวแขน และชุดเบาะนั่ง
- ด้ามจับคันเกียร์ตกแต่งสีดำ
- เบาะนั่งทูโทนสีเทากรมท่าเดินด้ายสีใหม่สีเหลือง
พร้อมออปชันเดิมทุกรุ่นทั้งกระเป๋าใส่ของหลังเบาะด้านคนนั่งโดยออปชันนี้ให้เฉพาะรุ่นเบาะคนนั่งไม่สามารถหมุนได้ กระจกไฟฟ้าขึ้นลงแบบ One Touch ทั้ง 4 บาน ไฟส่องมุมตรงสัมภาระด้านท้าย ออปชันเฉพาะรุ่นเริ่มที่รุ่น Home ให้ทั้งกระเป๋าใส่ของหลังเบาะคนขับ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านและหัวเกียร์ หุ้มหนัง รุ่น RS ให้ทั้งกระเป๋าใส่ของหลังเบาะคนขับ ที่วางแขนในเบาะด้านหลัง และช่องใส่มือถือด้านหลังเบาะ และรุ่นลุย CROSSTAR มีทั้ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันและหัวเกียร์ หุ้มหนัง กระเป๋าใส่ของหลังเบาะคนขับ และกล่องคอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้ว และรุ่น LUXE ให้กระเป๋าใส่ของหลังเบาะคนขับ
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านตกแต่งขอบสวิตช์ปุ่มพวงมาลัย ฐานคอนโซลเกียร์ และช่องวางแก้วน้ำซ้าย-ขวา พร้อมแผงคอนโซลหน้าสีดำเข้มหุ้มวัสดุผิวสัมผัส Soft Touch เบาะนั่งคู่หน้ารองรับสรีระโอบกระชับขึ้น เบาะนั่งหลังสบาย ปรับพับได้เพิ่มเนื้อที่ในการขนของ ระบบความบันเทิงด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับทั้ง Android Auto และ Wireless Apple CarPlay ไร้สาย มาตรวัดดิจิตอล 7 นิ้ว และปุ่มควบคุมการขับขี่หรือ Drive Mode ที่มีกันถึงสามโหมดตั้งแต่ NORMAL mode, SPORT mode และ ECON mode
มาครบเบนซินและฟูลไฮบริด
เบนซิน Hybrid e:HEV Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) 1.5 ลิตร รหัส LEB-H5 พัฒนาใหม่เพิ่มพลังมากขึ้นเป็น 106 แรงม้าที่ 6,000-6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ 2 ลูก รหัส H5 ให้กำลังรวม 123 แรงม้า ที่ 3,500-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
และยังมีเบนซินล้วน i-VTEC 1.5 ลิตร รหัส L15Z 118 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ทั้งสองความแรงเลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมความปลอดภัยด้วย Honda Sensing ทั้ง
- ควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)
- ระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System (CMBS)
- แจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS)
- แจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW)
- ไฟสูงอัตโนมัติ auto high beam
- กล้องหน้าแบบมุมกว้าง
- เซนเซอร์กะระยะการจอดหน้าหลัง แบบ Sonar 8 จุดรอบคัน
Honda Jazz หรือ Honda FIT MY2026 เตรียมขายในราคาเริ่มต้น 2,208,800-2,929,300 YEN สำหรับรุ่น e:HEV หรือราว 489,000-649,000 บาท ราคานี้ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยถ้านำเข้ามาขายราคารวมภาษีอยู่ที่ 919,000-1,219,000 บาท ส่วนรุ่น i-VTEC เริ่มต้น 1,776,500-2,578,400 YEN หรือราว 395,000-575,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยถ้านำเข้ามาขายราคารวมภาษีอยู่ที่ 745,000-1,079,000 บาท
ที่มา Carwatch
