More

    Toyota GR Corolla ปรับมาดเข้มเร้าใจยิ่งขึ้นขายญี่ปุ่นเริ่ม 1.229 ล้านบาท

    พึ่งจะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมไปตั้งแต่ปีกลายและขายญี่ปุ่นไม่นาน Toyota GR Corolla เก๋งทรงสปอร์ตที่ทั่วโลกยกย่องให้เป็นที่สุดรถแรงค่ายสามห่วง

    Toyota

    ล่าสุด Toyota เปิดตัวรับจอ Toyota GR Corolla รุ่นปี 2026 หรือ MY2026 ปรับอีกครั้งหวังโดนใจสาวกในร่างเดิม

    ภายนอกเดิมๆ

    เริ่มที่ชุดกันชนหน้าออกแบบช่องระบายอากาศดีไซน์ให้กรอบด้านข้างซ้าย-ขวาช่องใหญ่ขึ้นเป็นแนวตั้งถึงสองช่อง ช่องระบายอากาศส่วนกลางบนและล่างออกแบบหลอมรวมกับกรอบด้านข้างให้เป็นหนึ่งเดียวพร้อมตราสามห่วงในชุดกระจังหน้าทรงปีก Unified Design ประกบกับไฟหน้า LED รูปตัว L สุดเข้มด้วยสีดำแปะตราโลโก้ GR หลังคารถแบบตกแต่งด้วยคาร์บอนสีดำ Carbon Fiber Reinforced Plastic (CFRP) และเสาอากาศครีบฉลาม

    ด้านข้างมีซุ้มล้อทรงโต กระจกมองข้างทรงสปูนสีดำ ด้านท้ายเท่ด้วยไฟท้าย LED เติมเต็มความโดดเด่นให้สมบูรณ์ด้วยสปอยเลอร์หลัง กันชนหลังพร้อมลิ้นสปอยเลอร์สุดโหด และล้ออัลลอยสีเข้ม 15 ก้านขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Michelin Pilot Sport 4 ขนาด 235/40R18 ตัวรถมาในร่าง 5 ประตูท้ายตัดขนาดเท่าเดิมจากพื้นฐาน TNGA-C เริ่มที่

    • ความยาว 4,410 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,850 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,480 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 1,520 กิโลกรัม
    • ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร

    Toyota

    ภายในเพิ่มความสุนทรีย์ด้วยลำโพง JBL

    ปรับจูนใหม่ถึง 9 จุด เพิ่มซับวูฟเฟอร์ติดตั้งในพื้นที่สัมภาระด้านท้ายให้เสียงที่คมชัดและทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อม Active Sound Control (ASC) ควบคุมเสียงเครื่องยนต์สู่ห้องโดยสารได้ 3 รูปแบบ ปรับระดับเสียงตามโหมดการขับขี่ที่ใช้งาน และเร่งเสียงเครื่องยนต์ตามอัตราการขยี้คันเร่ง จังหวะเปลี่ยนเกียร์ ให้มีความเร้าใจยิ่งขึ้น แม้แต่เสียงท่อสำลักตอนถอนคันเร่งก็ยังทำได้  แต่ถ้าไม่ชอบก็ปิดระบบนี้ได้

    Toyota

    พร้อมออปชันมาตรฐานทั้งคอนโซลหน้าตกแต่งบุนุ่มด้วยหนังสัมผัส ตกแต่งด้วยตะเข็บ และสีเทาเมทัลลิก ตกแต่งโทนสีดำ-เทาเมทัลลิก มาตรวัดดิจิทัลแบบจอสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงข้อมูลเหนือแผงคอนโซลหน้า Head-Up Display จอสัมผัสขนาดใหญ่ 7 นิ้ว เชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เชื่อมต่อด้วย Bluetooth พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 จุด แบบ Type A และ Type C และด้านหลัง 1 จุดแบบ Type-C พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V 1 จุดที่คอนโซลกลาง

    Toyota

    ที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charger ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา มีกรองอากาศภายในห้องโดยสาร เบรกมือคันโยก พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านยกชุดจาก Toyota GR Yaris ปรับได้ 4 ทิศทาง ชุดแป้นคันเร่งและเบรกแบบอะลูมิเนียมสีเงิน

    เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง BRIN NAUB® และหนังสังเคราะห์ พร้อมสัญลักษณ์ GR บริเวณพนักพิงศีรษะ และเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารอัตโนมัติแบบ LED และ Smart Entry และ Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR

    ส่วนรุ่นแต่งเพิ่ม Sport Package ตกแต่งภายในเพิ่มเติมด้วยเบาะนั่งสปอร์ตแบบ semi-bucket front seats พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน หัวเกียร์ ด้ามจับเบรกมือ ทั้งหมดหุ้มหนังกลับ Ultrasuede® และเข็มขัดนิรภัย 3 จุดตกแต่งสีแดงทั้งเส้น

    Toyota

    ขุมพลังยกมาจาก Toyota GR Yaris

    เร้าใจทุกเส้นทางกับพลังเบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร พัฒนาใหม่ รหัส G16E-GTS 3 สูบ 12 วาล์ว ระบบจ่ายน้ำมัน D-4ST ให้กำลังมากสุด 304 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 3,250-4,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด GR-DAT หรือ GAZOO Racing Direct Automatic Transmission จาก ZF พร้อม Paddle Shift

    พัฒนากล่องสมองกลเกียร์เวอร์ชันใหม่ประมวลผลจากการใช้คันเร่งและเบรกเพื่อให้สัมพันธ์กับการใช้เกียร์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงความเร็วโดยใช้ความเร็วและแรง G-Force ในการประมวลผลและยังมีเกียร์ธรรมดา 6 สปีด iMT (Intelligent Manual Transmission) ให้เลือก

    พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ GR-Four AWD เลือกการขับขี่ได้ 3 รูปแบบคือ Normal (60/40) Sport (30/70) และ Track (50/50) ให้เหมาะสมกับสภาพถนนแยกแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง กับ Torsen® LSD (Limited Slip Differential) กระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและหลังช่วยให้ตัวรถมีความสมดุลตลอดเวลาทั้งล้อหน้าและล้อหลัง

    พิเศษสำหรับสเปกญี่ปุ่นกับแพ็คเกจ Circuit Mode สำหรับการขับขี่ในสนามสามารถดึงศักยภาพของรถออกมาได้เช่นการเพิ่มระบบควบคุมการหน่วงเวลาและการปรับความเร็วสูงสุด Top Speed ได้ตามต้องการ ณ สนามแข่งและสถานที่ปิดเฉพาะ โดยสั่งฟังก์ชันต่างๆได้จากทางแอป “Circuit Mode” ที่ต้องระบุตำแหน่งโดยใช้ GPS จะพร้อมใช้งานได้โดยการสลับไปยังจอแสดงผลมาตรวัดเฉพาะที่แสดงเวลาการเปลี่ยนเกียร์และความเร็วรอบเครื่องยนต์อย่างชาญฉลาด

    Toyota

    ในรุ่น MY2026 เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ด้วยการปรับปรุงช่องดักลมเข้าสู่หม้อกรองใหม่ ซึ่งจะทำงานเมื่อเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วสูง เพื่อรักษากำลังเครื่องยนต์ให้คงที่ แม้ในขณะที่อุณหภูมิภายในห้องเครื่องยนต์สูงขึ้นระหว่างการขับขี่เป็นเวลานาน ท่อลมเย็นจะดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาโดยตรงจากกระจังหน้า ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิของไอดีลงได้อย่างมาก มอบเสียงที่คงที่แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง เช่น การขับขี่แบบต่อเนื่องสามารถดึงศักยภาพของเครื่องยนต์ออกมาได้อย่างเต็มที่

    Toyota

    ช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงและคอยล์สปริงช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงก์พร้อมเหล็กกันโคลงแบบ GR พัฒนาใหม่โช๊คอัพใหม่ให้มีจังหวะยืดหยุ่นหรือ Rebound คืนตัวอย่างแม่นยำ ลดอาการลอยตัวของล้อฝั่งในโค้งแถมปรับจุดยึด Trailing Arm สูงขึ้นลดการยุบตัวของช่วงล่างด้านหลังขณะเหยียบคันเร่งเต็มสตรีมทรงตัวและยึดเกาะได้อย่างมั่นคงด้วยความเร็วสูง

    พร้อมนอตยึดช่วงล่างหน้าและชุดเกียร์ในชุดชิ้นส่วนของแชสซีสมีการใช้นอตยึดหกเหลี่ยมที่ขนาดแข็งแรงขึ้นและในส่วนช่วงล่างหลังชุดนอตยึดช่วงล่างมีการปรับขนาดนอตยึดหกเหลี่ยมให้ใหญ่ขึ้นเป็น 24 มิลลิเมตร เพื่อเสถียรภาพในการควบคุมการขับขี่ความคมในการเข้าโค้ง การวิ่งในทางตรงและการสนองต่อการควบคุมพวงมาลัยให้ดีขึ้นและรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถในการขับขี่

    พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) จานดิสก์เบรกหน้า 4 Pot ขนาด 356 มิลลิเมตร และด้านหลัง 2 Pot ขนาด 297 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์สีแดงสปอร์ต และสัญลักษณ์ GR

    Toyota

    ในรุ่น MY2026 มีการปรับปรุงในส่วนโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยการเพิ่มกาวเชื่อมโครงสร้างอีก 13.9 เมตร รวมเป็น 32.7 เมตร เน้นในบริเวณด้านหน้า พื้นตัวรถ ซุ้มล้อหลัง ส่งผลให้ตัวถังมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่น้ำหนักเท่าเดิม โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งขึ้นนี้ช่วยเพิ่มความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างรถและผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์ ตั้งแต่การขับขี่ในเมืองไปจนถึงการขับขี่ในถนนปิด

    โดยแนวคิดปรับปรุงโครงสร้างตัวถังครั้งนี้เกิดจากความต้องการของ Mister Morizo นามแฝง Akio Toyoda ผู้ควบตัวแข่ง GR Corolla ในรายการ Super Taikyu เมื่อปีก่อนแล้วพบว่าตัวถังของรถยังต้องเพิ่มความแข็งแรงให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถสู้กับแรงเหวี่ยงของตนเอง และเสริมความกระชับขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น

    ความปลอดภัย Safety ด้วย Toyota Safety Sense 

    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ควบคุมความเร็วรถให้คงที่พร้อมตรวจจับรถที่อยู่ด้านหน้าด้วยเรดาร์และลดความเร็วอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่าง Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-speed
    • ป้องกันการชนด้านหน้า Pre-Collision System (PCS)
    • เตือนออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ Lane Departure Alert  (LDA) with Steering Assist
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน Lane Tracing Assist (LTA)
    • ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam (AHB)
    • ช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ Parking Support Brake (PKSB)
    • ช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Vehicle Sway Warning (VSW)

    พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง กล้องมองภาพขณะถอยหลัง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า 4 จุดและด้านหลัง 4 จุด สัญญาณไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน Emergency Stop Signal (ESS) ป้องกันล้อล็อก Anti-lock Brake System (ABS) เสริมแรงเบรก BA กระจายแรงเบรก EBD ควบคุมการทรงตัว VSC

    ป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC ถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด (คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ) จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก  (ISOFIX) เตือนการโจรกรรม TDS (Theft Deterrent System) กุญแจนิรภัย Immobilizer ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน ไฟเบรกดวงที่สาม LED เข็มขัดนิรภัย 3 จุด แบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ พร้อมเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย

    Toyota

    Toyota GR Corolla MY2026 มีสีภายนอก 5 สี สีขาว Super White II สีเทา Precious Metal สีดำ Precious Black Pearl สีแดง Emotional Red II และสีขาวมุก Platinum White Pearl ขายรุ่น RZ ในราคาเดิมเริ่มต้น 5,680,000-5,980,000 YEN หรือราว 1,229,000-1,289,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้านำเข้ามาขายราคารวมภาษีจะอยู่ที่ 3,535,000-3,709,000 บาท

    เท่านั้นยังไม่พอสำหรับลูกค้าเจ้าของรถปี 2023 และรุ่นปรับโฉมก่อนรุ่น MY2026 ทางโตโยต้าเตรียมเสนอแพ็คเกจปรับจูนเพิ่มพละกำลังเครื่อง อัปเกรดโปรแกรมรวมถึงซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวเนื่องโดยเพิ่มแรงบิดขึ้นอีก 30 นิวตันเมตรเป็น 400 นิวตันเมตร และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-FOUR ก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน

    ด้วยระบบกระจายแรงบิดไปยังล้อหน้าและหลังจะเปลี่ยนจาก 30:70 ด้านหน้าเป็น 50:50 ด้านหลังในโหมด “REAR” เป็น “GRAVEL” และโหมด TRACK เปลี่ยนจาก 50:50 ด้านหน้าเป็น 60-30 ด้านหน้า และ 40-70 ด้านหลัง โดยแพ็คเกจนี้มีกำหนดที่จะเปิดรับจูนในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมปี 2026 โดยรายละเอียดต่างๆ รวมถึงราคาจะประกาศให้ทราบในภายหลัง

    ที่มา CARWATCH

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts