ในขณะที่เมืองไทยเตรียมเผยโฉม OMODA C9 SHS แต่ทางด้านต้นฉบับอย่าง EXEED เปิดตัวเวอร์ชันเสียบปลั๊กขายจีนภายใต้ชื่อ EXEED RX C-DM
EXEED RX C-DM หรือ EXEED YAOGUANG C-DM มาในร่างเอสยูวีไซซ์กลางที่มีการปรับหน้าตาเล็กน้อยให้ต่างจากรุ่น RX หรือ OMODA C9 อย่างชัดเจน
ตั้งแต่กระจังหน้าทรงทึบติดตรา EXEED สีดำเข้มคู่กับไฟหน้า LED พร้อมไฟส่อง DRL แบบ LED รูปเลขเจ็ดในโคมเดียวกันรับกับกันชนหน้าดีไซน์เด่นเล่นระดับพร้อมช่องระบายอากาศทรงสีเหลี่ยมมีช่องป้ายทะเบียนด้านหน้าสีดำ ออกแบบมุมกันชนหน้าซ้าย-ขวาเป็นสีเดียวกับตัวรถทรงสามเหลี่ยม
หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ หลังคารถสีดำ ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ กระจกมองข้างทรงสปูน คิ้วสีเงินเสริมหล่อติดบริเวณประตูรถคู่หน้าและบังโคลนหน้า กระจกตรงเสา D ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ คิ้วขอบล้อสีดำเข้ม ผสานกับคิ้วชายล่างประตู โทนสีดำผสมสีเดียวกับตัวรถ
ไฟท้าย LED แนวยาวประดับด้วยตัวอักษร EXEED ประกบด้วยกันชนหลังทรงหรูด้วยตัวรถที่ใหญ่กว่าพร้อมไฟทับทิมแนวตั้งพร้อมคิ้วเสริมกันชนหลังสีเงินเส้นเล็กในชุดลิ้นสปอยเลอร์กันชนหลังเสริมหล่อเสริมหรู ประตูท้ายไฟฟ้าแบบ Powered Tailgate ประกอบกับท่อไอเสียคู่แบบเดิมทั้งสองด้าน พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55 R19 และขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 245/50 R20 ตัวรถใหญ่แบบทรงกล่องหลังคาลาดไซซ์กลางตั้งแต่
- ความยาว 4,781 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,920 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,671 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,815 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,913-2,171 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร
ภายในล้ำอนาคต
มาแบบ 5 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งตอนที่ 2 สามารถพับเบาะแบบ 60/40 มีพื้นที่มากถึง 1,783 ลิตร และ 660 ลิตรกรณีไม่พับเบาะ คอนโซลหน้าพร้อมช่องแอร์ทรงเหลี่ยมดูหรูหรา เด่นด้วยจอคู่บอกทั้งมาตรวัดความเร็วรถกับจอระบบความบันเทิงเชื่อมต่อการสื่อสารทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ทั้งหมด 24.6 นิ้ว ระบบปฏิบัติการ CHERY Lion 5.0 พร้อมชิปประมวลผลจาก Qualcomm Snapdragon 8155
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านทรงท้ายตัดแบบ Multi-Kinetic Flat-Bottom ปะตัวอักษร OMODA ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 256 สี จอแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD 50 นิ้ว และที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50W ลำโพงคุณภาพจาก SONY 8 จุด เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry
ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด C-DM
ด้วยเบนซินเทอร์โบ ACTECO เจน 5 ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRH4J15 ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,000 รอบต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ถึง 2 ความแรงเริ่มที่
- รุ่น 120 Long Range มอเตอร์ไฟ้ฟ้าเดี่ยวให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก CHERY ขนาด 19.53 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 360 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร วิ่งในโหมดอีวีล้วน 120 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 116 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมเกียร์อัตโนมัติ Stepless Super Hybrid DHT ชาร์จได้ทั้ง DC 30-80% ภายใน 17 นาที และชาร์จ AC 6.6 kW ได้
- รุ่น 210 ULTRA Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 224 แรงม้าแรงบิด 390 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แบบ LFP M3P จาก CATL ขนาด 34.46 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 381 แรงม้า แรงบิด 610 นิวตันเมตร วิ่งในโหมดอีวีล้วน 210 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 203 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 3-speed super hybrid DHT ชาร์จได้ทั้ง DC 30-80% ภายใน 20 นาที และชาร์จ AC 6.6 kW ได้
- รุ่น 200 ULTRA Long Range 4WD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยล้อหน้าให้กำลัง 224 แรงม้าแรงบิด 390 นิวตันเมตร และล้อหลัง 238 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แบบ LFP M3P จาก CATL ขนาด 34.46 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 619 แรงม้า แรงบิด 920 นิวตันเมตร วิ่งในโหมดอีวีล้วน 200 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 193 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 3-speed super hybrid DHT ชาร์จได้ทั้ง DC 30-80% ภายใน 17 นาที และชาร์จ AC 6.6 kW ได้ พร้อมขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Part-time กับ full-time
ทั้ง 3 รุ่นวิ่งไกลทั้งระบบ 1,400 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 1,351 กิโลเมตร (NEDC) ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยกเว้นรุ่นท็อปสุด 200 ULTRA Long Range AWD ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ทั้ง พร้อมโหมดการขับขี่ Economy/Standard/Sport ส่วนรุ่นท็อปเพิ่มมาอีก 3 โหมดทั้ง Off-road/Sand/Snow มีระบบ Regenerative Braking ปรับได้ถึง 3 ระดับ
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
- เตือนการชนด้านหน้าและหยุดรถอัตโนมัติ FCW & AEB (Front Forward Collision Warning & Autonomous Emergency Brake)
- เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- เตือนก่อนเปิดประตูรถ DOW (Door Open Warning)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)
- ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (EMERGENCY LANE KEEPING ASSIST)
- เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (TRAFFIC JAM ASSIST)
- จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limiter) อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- กล้องมองภาพรอบคันแบบ 540° รวมถึงหลังคารถ
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน 8 จุด รวมถุงลมนิรภัยใต้เข่าคนขับ
ทางด้านเมืองไทย OMODA C9 SHS เตรียมเปิดขายช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วน EXEED RX C-DM เปิดขายจีนก่อนขายทั่วโลกทั้งรัสเซีย ตะวันออกลางและอเมริกาใต้ โดยเปิดขาย 3 รุ่นย่อยในราคาดังนี้
- รุ่น 120 Long Range ราคา 139,900 YUAN หรือราว 639,000 บาท
- รุ่น 210 ULTRA Long Range ราคา 169,900 YUAN หรือราว 779,000 บาท
- รุ่น 200 ULTRA Long Range 4WD ราคา 189,900 YUAN หรือราว 869,000 บาท
ที่มา CarNewsChina
