เปิดตัวเสียทีกับ KIA Carnival เอ็มพีวีรุ่นปรับโฉมและครั้งนี้มาพร้อมพลังใหม่ฟูลไฮบริด HEV ขายไทยอย่างเป็นทางการถึง 2 รุ่นย่อย
KIA Carnival HEV ปรับโฉมครั้งนี้นำเข้าจากมาเลเซียเช่นเดิมที่โรงงาน KIA Malaysia Sdn Bhd (Inokom) เมือง Kulim รัฐ Kedah ในร่างเจเนอเรชันที่ 4
ภายนอกหล่อเท่
ตั้งแต่ไฟหน้ารูปตัว T ประกอบด้วย ชุดไฟหน้า Star Map Lighting เริ่มที่ไฟหน้า LED แนวตั้งพร้อมแถบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Daytime แบบ LED ทรงลูกบาศก์ ลากยาวมาจากขอบไฟด้านข้างมาถึงด้านหน้าทั้งบนและล่าง กระจังหน้าลายเสือหรือ Tiger Nose แบบขอบสีเงินพร้อมตราโลโก้ KIA ย้ายไปอยู่ขอบฝากระโปรง รับกับกันชนหน้ารูปตัว H แทรกในช่องระบายอากาศส่วนล่างใต้ป้ายทะเบียนเสริมคิ้วกันชนหน้าสีเงินสไตล์เด่นและช่องระบายอากาศแนวตั้งสองฝั่ง
Dual Sunroof ที่ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งสบายให้กับห้องโดยสารในรุ่น Luxury ราวหลังคาสามารถรองรับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 100 กิโลกรัม กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว ประตูสไลด์ไฟฟ้า (Smart Power Sliding Door) ล้ออัลลอยลายใหม่สีทูโทน 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R19 ไฟท้าย แบบ Star Map Lighting LED ออกแบบใหม่ทรงตัวทีเส้นแนวนอนกับตำแหน่งป้ายทะเบียนใหม่ พร้อมกันชนหลังใหม่ทูโทนเสริมคิ้วสีเงิน
ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Power Tailgate) ที่ให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ตัวรถโดยที่มีกุญแจ Smart Key อยู่ด้วย พร้อมระบบ Away-Auto Close สามารถเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อยืนอยู่ใกล้ตัวรถและปิดเองโดยอัตโนมัติเมื่อเดินห่างออกจากตัวรถพร้อม One-Touch Remote เพียงแค่กดปุ่มบนรีโมทค้างไว้ประตูสไลด์ไฟฟ้าและประตูท้ายจะเปิดพร้อมกันโดยอัตโนมัติ พร้อมมิติตัวรถดังนี้
- ความยาว 5,155 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,995 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,785 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,090 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 172 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,141-2,329 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 72 ลิตร
ภายในอัปเกรดใหม่
เห็นได้ชัดที่คอนโซลกลางได้รับการปรับปรุงให้ดูเรียบง่ายขึ้นโดยการลดจำนวนปุ่มการใช้งานฟังก์ชันต่างๆลง มีแผงสัมผัสแบบเดียวกับระบบควบคุมสภาพอากาศเหมือนกับ KIA รุ่นอื่นๆ เช่น Sportage, Niro และ Sorento บนแผงหน้าปัดและการ์ดประตูหน้า รองรับการอัปเดตแบบ over-the-air ที่ดีขึ้นจอคู่ทั้งมาตรวัดดิจิทัลดีไซน์ใหม่ ขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัสความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้วมีระบบเชื่อมต่อ Android Auto™ และ Apple CarPlay® แบบไร้สายและฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียง
ออปชันในรุ่น Luxury ทั้งระบบเสียงจาก BOSE® รอบคันถึง 12 ตำแหน่ง ไฟเรืองแสง Ambient Light สามารถแต่งสีไฟให้เข้ากับทุกบรรยากาศพร้อมสีให้เลือกถึง 64 เฉดสีครอบคลุมบริเวณคอนโซลและประตู เพิ่มบรรยากาศภายในรถให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น มีจอแสดงผลเหนือแผงคอนโซลหน้า HUD ขนาด 11 นิ้ว ฉายข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญขึ้นบนหน้าจอกระจกหน้าในระดับสายของผู้ขับ กระจกมองหลังแบบดิจิทัล ช่วยให้มองเห็นถนนด้านหลังได้อย่างชัดเจน แม้ว่ารถจะเต็มไปด้วยผู้โดยสารหรือสัมภาระขนาดใหญ่
จุดชาร์จ USB Type-C ทั้งหมด 6 จุด Mood Light ที่แผงประตูด้านหน้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติปรับอุณหภูมิได้แบบแยกอิสระทั้งโซนด้านหน้าฝั่งซ้าย-ขวาและโซนด้านหลัง ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านดีไซน์หรูหรา
องค์ประกอบเด่นที่ครองใจครอบครัวนั่นคือห้องโดยสาร 7 ที่นั่งแบบ 2-2-3 ติดตั้งระบบจดจำตำแหน่งเบาะนั่งและระบบ Welcome Seat สำหรับผู้ขับ เบาะนั่งคู่หน้าและเบาะนั่งแถวที่สองมาพร้อมระบบระบายอากาศและระบบอุ่นเบาะ สำหรับเบาะผู้โดยสารแถวสองเป็นแบบ Relaxation Seat ที่เปลี่ยนทุกการเดินทางให้เป็นความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสด้วยฟังก์ชัน ปรับเอนนอนที่สามารถปรับระดับได้เต็มรูปแบบ พร้อมเบาะรองขาแบบปรับไฟฟ้า มีโหมด One-touch Relaxation ที่สั่งงาน ด้วยการกดเพียงครั้งเดียวมอบความสบายให้กับผู้นั่งได้อย่างง่ายดาย
ในรุ่น Premium เบาะนั่งแถว 2 เป็นเบาะแบบ Captain Seats ที่สามารถถอดออกได้เพื่อเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน และยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นแบบนั่งหันหน้าเข้าหากันได้ ให้สมาชิกในครอบครัวได้มีปฏิสัมพันธ์กันได้ตลอดทริป พร้อมโทนสีดำหุ้มหนังสังเคราะห์ และเบาะหนังสีทูโทนน้ำตาล/ดำในรุ่น Luxury
ทั้ง 2 รุ่นได้รับการปรับให้มีพื้นที่ทางเดิน (Walkthrough access) ที่เอื้อต่อการเข้า-ออกเบาะหลังได้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิกครอบครัวทุกคน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ด้วยจุดยึดสําหรับติดตั้งเบาะนั่งสําหรับเด็ก (ISOFIX) ที่มีให้ในตำแหน่งที่นั่ง 4 ตำแหน่งเป็นมาตรฐาน (2 จุดบนเบาะนั่งแถวสอง และอีก 2 จุดบนเบาะแถวสาม) ซึ่งช่วยให้สามารถติดตั้งเบาะนั่งสำหรับเด็กในตำแหน่งต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น เสริมความปลอดภัยและความสะดวกเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวได้ดีที่สุด
โดดเด่นในเรื่องความกว้างขวางสำหรับทั้งผู้โดยสารและสัมภาระ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเรียงที่นั่งผู้โดยสารที่มีความยืดหยุ่น พร้อมด้วยสัมภาระ ของทุกคนได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถคันเดียว เบาะนั่งแถวสามมาพร้อมฟังก์ชันพับราบ ที่เป็นการสร้างพื้นที่บรรทุกแบบเรียบที่รวดเร็วและไม่ต้องใช้แรง ปรับเปลี่ยนได้ทันทีระหว่างความต้องการในการขนย้ายคนและขนส่งสินค้ามากถึง 2,905 ลิตร
ขุมพลัง Hybrid
ยกมาจากรุ่น Sorento ด้วยขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร Smartstream G T-GDI รหัส G4FT ให้กำลัง 180 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,500 รอบต่อนาทีจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 73 แรงม้าที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที แรงบิด 304 นิวตันเมตรที่ 0-1,600 รอบต่อนาที พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 1.5 kWh ให้กำลังรวม 245 แรงม้า แรงบิด 367 นิวตันเมตร
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โหมดแมนวลในรูปแบบเกียร์แบบหมุน Dial Type–Shift by Wire (SBW) ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมความสามารถของโหมด EV Drive และสามารถใช้งานระบบปรับอากาศแม้เครื่องยนต์หยุดทำงาน พร้อมช่วงล่างหน้า แมคเฟอรสันสตรัทคอยล์สปริงช่วงล่างหลัง มัลติลิงค์ คอยล์สปริง
ความปลอดภัยอัจฉริยะ DRIVE WiSE
- รักษาความเร็วคงที่อัตโนมัติแบบแปรผัน (SCC: Smart Cruise Control with Stop & Go)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist)
- ป้องกันการชนด้านหน้าพร้อม ตรวจจับรถยนต์ คน และจักรยาน พร้อม Junction Assist (FCA: Forward Collision Avoidance Assist)
- ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BCA: Blind – Spot Collision – Avoidance Assist)
- แสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ (BVM: Blind – Spot View Monitor)
- แจ้งเตือน และหลีกเลี่ยงการชนขณะถอยหลัง (RCCA: Rear Cross Traffic Collision Avoidance)
- ช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร (Lane Following Assist และ Lane Keeping Assist)
- ป้องกันการชนด้านหลังขณะถอยจอด (Reverse Parking Collision – Avoidance Assist )
- ป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านขาง (SEA: Safe Exit Assist)
- แจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู่ด้านหลัง (Rear Occupant Alert)
กล้องมองภาพรอบคัน Surround View Monitor (SVM) เซนเซอร์ช่วยจอดด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง PDW (Parking Distance Warning) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ที่มาพร้อมกับเบรก (ABS) ป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) ช่วยออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HAC) เสริมแรงเบรก BAS (Brake Assist System) เบรกมือไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto Brake Hold ถุงลมนิรภัย 8 จุด ครอบคลุมทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมม่านด้านข้าง ถุงลมนิรภัยปกป้องเข่าผู้ขับ และถุงลมนิรภัยกลางระหว่างเบาะผู้ขับ และผู้โดยสารด้านหน้า (Front Center Airbag)
Kia Carnival HEV มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Snowflake White Pearl สีเทา Meteor Grey สีดำ Jet Black และสีน้ำเงิน Astra Blue ขายไทย 2 รุ่นย่อยในราคาดังนี้
- Premium ราคา 2,499,000 บาท
- Luxury ราคา 2,699,000 บาท