ทะยานขึ้นอันดับ 1 สำหรับ XPENG X9 ที่ยอดจดทะเบียนช่วงไตรมาสที่ 3 ปีนี้สูงถึง 488 คัน ซึ่งถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ด้วยจุดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับการผสาน AI เข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะของยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการนำมาใช้คำนวณและบริหารจัดการการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่หลากหลายของ XPENG X9 ด้วยราคาที่สมเหตุผล
ประกอบกับการปรับปรุงและพัฒนาซอฟต์แวร์ XOS อย่างต่อเนื่อง จากการเก็บข้อมูลและเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งาน เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้รถยนต์ฉลาดขึ้น ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและหลังจากเปิดตัวรุ่นพิเศษ XPENG X9 Luxury Special Color Edition ในราคา 2,789,000 บาท ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวไทย
ล่าสุดมีภาพหลุดพรางตัวทั้งคันของ XPENG X9 ติดป้าย QC หรือ ป้ายสำหรับรถที่ทำการผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างทดสอบคุณภาพก่อนนำออกมาจำหน่าย ใจกลางแยกอโศก-เพชรบุรี
ด้วยหน้าตาที่ไม่ต่างจากรุ่นที่ขายในไทย และจุดไหนเด่นอาจเป็นการทดสอบอัปเดตซอฟทแวร์รถเพื่อให้เข้ากับประเทศไทยหรืออีกมุมหนึ่งกำลังทดสอบขุมพลังไฟฟ้าขยายระยะทาง EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle ที่กำลังจะเปิดตัวในจีนเร็วๆนี้ก็เป็นได้
สำหรับขุมพลัง EREV นี้มาด้วยเบนซิน 1.5 ลิตร รหัส DAM15NTE ให้กำลัง 150 แรงม้า ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร 286 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร และ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) จาก CALB ความจุแบตเตอรี่ 63.3 kWh โดยส่งกำลังไปยังแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จากสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่แรงดันถึง 800V รองรับการชาร์จเร็วกระแสตรง DC แบบ 5C ด้วยกำลังสูงสุด 316.5 kW และกระแสสลับ AC วิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนกว่า 450 กิโลเมตร (CLTC) หรือกว่า 434 กิโลเมตร (NEDC) และวิ่งไกลสุดด้วยน้ำมัน 1 ถัง 1,602 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 1,545 กิโลเมตร (NEDC)
พร้อมโหมดปรับน้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้าและโหมด Brake pedal คันเร่งและเบรกในแป้นเดียว แต่ละโหมดมาถึง 3 โหมดทั้ง Comfort/Standard/Sport และฟังก์ชันชาร์จกลับ Energy recovery มีทั้งโหมด Low/Medium/High/X-Pedal รองรับ V2L ระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ภายนอก 3.3 kW
พร้อมภายในใหม่เริ่มที่ไฟอ่านหนังสือในห้องโดยสารควบคุมด้วยระบบ AI ปรับแสงไฟให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติได้อย่างแม่นยำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านดีไซน์ใหม่ปุ่มการใช้งานซ้าย-ขวาและแป้นกดแป้นออกแบบใหม่พร้อมตราโลโก้ขนาดใหญ่ติดตรงกลาง(เดิมโลโก้เล็กติดมุมซ้ายของแป้นกดแตร) โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 37.6 เซนติเมตร (376 มิลลิเมตร)
ภายในสีใหม่สีน้ำตาล “Cloud Rose Brown” ติดตั้งลายไม้ Ayous ความยาว 4.2 เมตร พาดผ่านชุดแผงคอนโซลหน้าส่วนล่างกับชุดแผงประตูคู่หน้า เสริมเส้นสีเงินโครเมียมที่ขอบแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า ช่องแอร์ตรงกลาง ขอบที่ชาร์จมือถือไร้สาย ฯลฯ ดูหรูหรายิ่งขึ้น
เบาะนั่งแถวที่ 2 มาแบบเฟิร์สคลาสฟังก์ชัน Zero Gravity แยกจากกันมีช่องทางเดินระหว่างเบาะแถวที่ 2 (Walk-through Access) มาพร้อมฟังก์ชันนวด เบาะเย็น และอุ่นเบาะ ทำความร้อน ปรับไฟฟ้า 14 ทิศทางติดตั้งบนแถบเลื่อนไฟฟ้า
มีที่ชาร์จมือถือไร้สายในเบาะนั่งตอนที่ 2 มี “ตู้เย็น” ในตัวพร้อมการตั้งค่าอุณหภูมิระหว่าง 0-50° C แถวที่ 3 พับราบด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้เห็นพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 2,554 ลิตร และตอนไม่พับเบาะมีพื้นที่ 755 ลิตร
แผงหน้าปัดดิจิทัลแบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์แบบลอยตัวขนาด 17.3 นิ้ว เชื่อมต่อด้วยที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ลำโพงรอบคัน XOPERA 23 จุดกำลังขับ 2,180 W ติดตั้งชิป Qualcomm Snapdragon 8295 พร้อมรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ออนไลน์ Vehicle OTA Upgrade Service
ผ่อนคลายขณะชมรายการบันเทิงบนจอทีวีติดเพดานขนาดใหญ่ 21.4 นิ้ว ระบบแอร์รอบห้องโดยสารพร้อมฟอกอากาศที่ทำให้หายใจได้อย่างสะดวกเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิอิสระ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟคู่ พร้อมปลั๊กไฟ 220V มีคาราโอเกะไร้ไมโครโฟน
ส่วนภายนอกคล้ายกับรุ่นอีวีทุกประการยกเว้น ล้ออัลลอยลายใหม่ทูโทนปัดเงาลายหลายก้าน Star Gaze ขนาด 20 นิ้ว พร้อมดุมล้อล็อกตำแหน่งโลโก้ไว้ไม่ให้หมุนตามแรงเฉื่อยของล้อ พร้อมยาง 235/50R20
งานนี้ต้องลุ้นกันแล้วว่า XPENG X9 จะเป็นรุ่น EREV หรือไม่และเมืองไทยมีโอกาสนำเข้ามาจำหน่ายภายใต้กลุ่ม MGC-ASIA หรือไม่ต้องติดตาม
