อีกหนึ่งรุ่นค่าย MG ที่เข้าร่วมสงครามราคาท้าชนคู่แข่งกับ MGS5 EV PLUS ที่พึ่งเปิดตัวปรับปรุงออปชันให้ตรงใจสาวกมากที่สุด
MGS5 EV PLUS มาพร้อมแคมเปญ END OF SEASON DEAL ก่อนสิ้นสุดมาตรการ EV 3.0 ถึงวันที่ 10 ธันวาคม โดยลดราคาจากเดิม 110,000-130,000 บาท ดังนี้
- รุ่น D+ 619,900 บาท (ปกติ 749,900 บาท)
- รุ่น X +729,900 บาท (ปกติ 839,900 บาท)
- รุ่น V+ 849,900 บาท (ปกติ 959,900 บาท)
พร้อมข้อเสนอพิเศษ
- ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.99% ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 48 เดือน
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี มูลค่า 19,900 บาท
- ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด มูลค่า 25,000 บาท
- ฟรี ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER มูลค่า 13,500 บาท
- ฟรี ชุดพรมปูพื้น
- ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนนาน 5 ปี มูลค่า 7,500 บาท
- รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน
หน้าตาคงเดิม
ทั้งกระจังหน้าทรงทึบแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ (Active grille) ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED ทรงเรียบง่าย ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED กันชนหน้าทรงสปอร์ตพร้อมช่องระบายอากาศแบ่ง 2 ฝั่งประดับด้วยคิ้วชายล่างสีดำใต้กันชนหน้า
ด้านข้างมาพร้อมราวหลังคาบิ๊วอินสีเงิน กรอบกระจกส่วนบนตกแต่งโครเมียมกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ ที่เปิดประตูดีไซน์หรูแบบดึงก้าน คิ้วชายล่างประตูสีดำกับสีเงินทรงหรู ไฟท้าย LED แนวยาวคาดด้านท้ายพร้อมตรา MG
ออปชันมีความแตกต่างในแต่ละรุ่นเริ่มที่รุ่น X+ กับ V+ ได้กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า หลังคาพาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ ฝาท้ายสามารถเปิด-ปิดฝาท้ายด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบเตะเปิดอัตโนมัติ ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/55R18 ส่วนรุ่น D+ ได้ ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 พร้อมยาง 225/55R17 และกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM โดยมีมิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,476 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,849 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,621 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,730 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 136-139 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถอ 1,615-1,740 กิโลกรัม
ภายในเปลี่ยนแปลง
เริ่มที่รุ่น X+ กับ V+ ปรับในส่วนของจอสัมผัสระบบความบันเทิงมาเป็นขนาดใหญ่ขึ้น 15.6 นิ้ว (เดิม 12.8 นิ้ว ) รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto และ เบาะนั่งหนังสังเคราะห์มาแบบเจาะรูและเพิ่มเป่าลมเย็นคู่หน้ามาให้ และคันเกียร์จากเดิมเป็นปุ่มหมุนในคอนโซลกลางกลายมาเป็นเกียร์คอที่พวงมาลัย
นอกนั้นคงเดิมในรุ่น D+ คันเกียร์เป็นปุ่มหมุนในคอนโซลกลาง จอสัมผัส 12.8 นิ้ว พร้อมลำโพง 4 จุด ส่วนรุ่น X+ กับ V+ ได้ลำโพง 6 จุด กับ ที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charging พร้อมระบบปฏิบัติการ i-SMART 3.0 แผงคอนโซลหน้าทรงเดิมหุ้มหนังสัมผัส ช่องเสียบ USB-C 2 จุดหน้า และ 1 จุดหลัง
พวงมาลัย 3 ก้านทรงท้ายตัด D-shape มีช่องแอร์เชื่อมต่อกับชุดคอนโซลหน้าอย่างลงตัวเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมีกรองอากาศ PM 2.5 กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start เบรกมือไฟฟ้า และ Auto Hold
เบาะนั่งคู่หน้ามีปรับด้วยไฟฟ้าด้านคนขับปรับ 6 ทิศทางและด้านคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง ยกเว้นรุ่น D+ที่ให้เบาะนั่งฝั่งคนนั่งปรับธรรมดา 4 ทิศทาง เบาะหลังพับได้ 60/40 พร้อมที่วางแขนติดตั้งที่วางแก้วในรุ่น X+ และ V+ มีพื้นที่การขนของมากถึง 1,441 ลิตรกรณีพับเบาะและถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 453 ลิตร
ขุมพลังไฟฟ้า
ล้วนขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวประสิทธิภาพสูง Permanent Magnet Synchronous Motor มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate Battery ขนาดความจุ 50 kWh (LFP) ให้กำลังสูงถึง 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 8 วินาที วิ่งได้ระยะทาง 416 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ในรุ่น D+ และ X+
รุ่น V+ มาพร้อม พร้อมแบตเตอรี่ Lithium Iron Battery ขนาดความจุจากเดิม 64 kWh (NMC) มาเป็น 62.2 kWh (LFP)ให้กำลัง 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 6.1 วินาที วิ่งได้ระยะทาง 550 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
ทั้ง 2 ความแรง ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10%-80% ใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาที ในรุ่น V+ รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 150 kW (เดิม 140 kW) และในรุ่น D+และ X+ แบบ 88 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 11.5 ชั่วโมง มีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE) โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ Comfort Normal Sport Snow และ Custom
รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW พร้อมคันเร่งแบบ One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System
- ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ช่วยเบรก AEB (Automatic Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ช่วยควบคุมรถยนต์ให้ขับเคลื่อนอยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตาที่ทำงานประสานกันทั้ง ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking) ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) และช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
ฟังก์ชันปลดล็อคเกียร์ว่างจากหน้าจอ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) ในรุ่น X+ กับ V+ พร้อมสัญญาณเตือนระยะด้านหลัง ส่วนรุ่น D+ ได้กล้องมองภาพด้านหลัง
เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
MGS5 EV PLUS มีสีตัวถังให้เลือก 4 สี ได้แก่ สี CHAMPAGNE TITANIUM สี ANDES GREY สี BLACK KNIGHT และ สี ARCTIC WHITE
