ในงาน Motor Expo 2025 ที่กำลังจะจัดขึ้น MG ส่งรถใหม่มา 2 รุ่นโชว์ดักคอสร้างกระแสก่อนขายจริงประเดิมด้วย MG IM5 เวอร์ชันพวงมาลัยขวา

MG IM5 หรือชื่อในจีนว่า IM L6 ใช้พื้นฐานร่วมกับรุ่น MG IM6 (IM LS6) ซีดานท้ายลาด 5 ประตู ดีไซน์สปอร์ตมากขึ้น ปรับโหลดให้เตี้ยลงเพื่อเน้นความเป็นรถเก๋ง ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในจีนตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2024
ภายนอกทันสมัยและหรูหรา
ตั้งแต่กระจังหน้าทรงทึบดีไซน์ใหม่ออกแบบคิ้วชายล่างต่อเนื่องชิ้นเดียวรวมถึงคิ้วมุมกันชนหน้าซ้าย-ขวารูปตัว C ไฟหน้า LED และไฟ DRL แบบ LED รูปตัวแอลมาแบบรมดำ
ด้านข้างเท่ด้วย หลังคากระจกพาโนรามิก กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวกระจกรถแบบไร้กรอบ Frameless แบบโอเปร่า ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle) คิ้วชายล่างประตูสีดำ
ไฟท้าย LED รมดำดีไซน์รูปตัวเอยาวจากซ้ายไปขวารับกับฝาท้ายมีสปอยเลอร์ในตัวพร้อมฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบ เตะเปิดอัตโนมัติ
ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว ขนาดยางหน้า 245/40 R20 และขนาดยางหลัง 275/30 R20 จาก PIRELLI P-ZERO และขนาด 19 นิ้ว ยางหน้า 245/45/R19 ยางหลัง 275/40/R19 จาก Hancook iON high-performance EV

ขนาดตัวรถมีดังนี้
- ความยาว 4,931 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,474 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 120–134 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,190–2,280 กิโลกรัม
- ความจุช่องสัมภาระด้านหน้า 18 ลิตร

ห้องโดยสารล้ำสมัยและเทคโนโลยีจัดเต็ม
คอนโซลหน้ามีจอลอยตัวแบบ Intelligent Immersive Touch Screens 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลรวมกันขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับควบคุมส่วนต่าง ๆ ภายในรถ เชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
ระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ ช่องเชื่อมต่อ USB TYPE C จำนวน 2 จุด ดีไซน์คอนโซลหน้าเน้นความเรียบหรูด้วยวัสดุ Soft Touch ที่วางแก้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
รองรับการชาร์จแบบไร้สายกำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ (Wireless Charger) ลำโพงรอบทิศทาง 20 จุด ประกอบด้วย ลำโพงรอบทิศทาง 16 จุด และลำโพงบริเวณหลังคา 4 จุด Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 256 เฉดสี กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down กระจกมองหลังแบบ Streaming Media Rearview Mirror ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ให้ความนุ่มนวลและสบายในทุกที่นั่งด้วยเบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปัง พร้อมสัมผัสพรีเมี่ยมโดยหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบระบายความร้อน พร้อมระบบนวดสำหรับผู้ขับขี่
เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40 พื้นที่สัมภาระด้านท้ายมีความจุ 457 ลิตร และ 1,290 ลิตรกรณีพับเบาะพร้อมที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมที่ท้ายรถได้อีก 69 ลิตรและเบาะนั่งหน้าฝั่งคนนั่งปรับไฟฟ้าเอนเบาะได้สุด 121 องศาและพนักพิงเบาะนั่งหลังเพิ่มมุมอีก 19-37 องศา
เพิ่มเติมความพิเศษด้วย IM MAG HUB อุปกรณ์เสริมติดแม่เหล็กภายในตัวรถ เพื่อใช้ติดตั้งแอคเซสเซอรี่ต่าง ๆ อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ ฯลฯ จำนวน 5 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์เฉพาะจาก SAIC เพื่อครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานรถอย่างแท้จริง

สมรรถนะ EV มีให้เลือก 3 รุ่น
- รุ่น Standard Range RWD ด้วยสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้า 400V IGBT จากแบตเตอรี่ลิเธียมไออนแบบ LFP 75kWh พร้อมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 295 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ให้ 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.8 วินาที วิ่งไกลสุด 550 กิโลเมตร (NEDC) / 490 กิโลเมตร (WLTP) ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง DC Fast Charge 30–80% ภายใน 20 นาที กำลังไฟสูงสุด 153 kW และ AC กำลังไฟสูงสุด 11 kW
- รุ่น Long Range RWD ด้วยสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้า 800V SiC จากแบตเตอรี่ลิเธียมไออนแบบ NCM 100kWh พร้อมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ให้ 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.9 วินาที วิ่งไกลสุด 755 กิโลเมตร (NEDC) / 655 กิโลเมตร (WLTP) ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รุ่น Performance AWD ด้วยสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้า 800V SiC จากแบตเตอรี่ลิเธียมไออนแบบ NCM 100kWh พร้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้กำลังรวมสูงสุด 778 แรงม้า แรงบิด 802 นิวตันเมตร จากล้อหน้า 272 แรงม้า แรงบิด 302 นิวตันเมตร และล้อหลัง 408 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ให้ 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.2 วินาที วิ่งไกลสุด 625 กิโลเมตร (NEDC) / 575 กิโลเมตร (WLTP) ความเร็วสูงสุด 268 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทั้งรุ่น Long Range RWD และรุ่น Performance AWD มาพร้อมการชาร์จแบบ DC Fast Charge 30–80% ภายใน 15.2 นาที กำลังไฟสูงสุด 396 kW และ AC กำลังไฟสูงสุด 11 kW พร้อมเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะและระบบรองรับขั้นสูงโหมดขับขี่ 6 แบบ: Eco, Comfort, Sport, Snow, Custom, Super Eco Super Eco ดึงไฟสำรองให้วิ่งเพิ่มได้ 80 กิโลเมตร
มีระบบ Cooling System ลดความร้อน 15°C ภายใน 30 วินาที ระบบกู้คืนพลังงาน (Kinetic Energy Recovery System) KERS ได้ถึง 2 ระดับ กับ Vehicle to Load (V2L) เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-Link พร้อมช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ (Intelligent Air Suspension) สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับความสูงปกติ (Standard) ปรับเตี้ยลง 5 เซนติเมตร และปรับสูงขึ้น 2 เซนติเมตร ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน จาก Continental
พร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่ ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ทำให้การเปลี่ยนเลน มีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูง รวมถึงทำให้การกลับรถในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น พวงมาลัยไฟฟ้าให้รัศมีวงเลี้ยว 5.09 เมตร ทำให้ขับเลี้ยวและเข้าออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย

ความปลอดภัยเต็มขั้นตามมาตรฐานยุโรป
- ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ผสานการทำงานของกล้องรอบคัน การปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่
- ช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist)
- ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ช่วยเบรก AEB (Automatic Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- แจ้งเตือนความเร็วอัตโนมัติ SLF (Speed Limit Information Function)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LCC (Lane Centering Control)
- ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
- ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME) เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control System) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)
เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
เสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะด้านหน้าและหลัง ระบบกุญแจอัจฉริยะพร้อมการ์ด NFC สำหรับแปะเพื่อล้อคและปลดล็อคตัวรถ

MG IM5 จากแบรนด์ IM Motors แบรนด์ที่มาจากการร่วมทุนของ SAIC Motor, Alibaba และ Shanghai Zhangjiang Hi-Tech Park Development เตรียมโชว์ตัวที่งาน Motor Expo 2025 ก่อนขายจริงปีหน้าโดยมีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่
- สีชมพู Ferdinand Pink
- สีเบจ Raphael Beige
- วสีดำ Ares Black
- สีเทา Rembrandt Grey
- สีฟ้า Nevis Blue










