Mazda กลับมาสร้างความคึกคัก เตรียมเผยโฉม Mazda 6e เก๋งสปอร์ตพลังไฟฟ้าล้วนให้ลูกค้าสนใจเข้าชมและจองรับสิทธิพิเศษเพื่อเป็นเจ้าของ

Mazda 6e มาพร้อมภาพลักษณ์ NeoFastback นิยามใหม่ของยนตรกรรม 5 ประตู สะท้อนแนวคิด New Era of Design and Utility ถ่ายทอดเส้นสายทรงพลังแบบ Fastback เปี่ยมด้วยความสวยงามและความลื่นไหลในการออกแบบ ตามแนวคิด Kodo-Soul of Motion
ด้านหน้าเอกลักษณ์สไตล์มาสด้า
กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงคาดจะเป็นแบบทึบคาดเส้นทับชุดไฟหน้า Projector แบบ LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคม ขอบกระจังหน้าและตราโลโก้พร้อมกันชนหน้าชิ้นเดียวรองรับการออกแบบด้านหน้าอย่างลงตัว ด้านข้างตัวรถบริเวณบังโคลนตกแต่งสปอร์ต คิ้วชายล่างโครเมียมใต้ขอบประตู ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ
ด้านท้ายมีไฟท้าย LED ดีไซน์เพรียวแนวยาวแบบ Star Flame พร้อมสปอยเลอร์ที่สามารถยกปีกออกมาแบบอัตโนมัติ พร้อมตราโลโก้ Mazda ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R19
เก๋งลูกครึ่งญี่ปุ่น-จีน คันนี้นำบอดี้ทั้งคันของ DEEPAL L07 (SL03) ตกแต่งใหม่ในสไตล์ Mazdaสร้างขึ้นจากพื้นฐานสถาปัตยกรรม CHANGAN ‘EPA1’ ในชื่อรหัสว่า J90A และ J90A-REEV โดยมีมิตัวรถดังนี้
- ความยาว 4,180 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,850 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,150 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,450 กิโลกรัม

ภายในหรูภูมิฐาน
ปรับงานดีไซน์ให้เข้ากับความเป็นรถญี่ปุ่น หรูหราด้วยเบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งสามารถพับเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 มีพื้นที่ด้านท้าย 330 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะ พื้นห้องโดยสารด้านหลังแบบเรียบ และพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้า 70 ลิตร
เบาะนั่งหุ้มหนังคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านคนขับพร้อมระบบความจำตำแหน่งเบาะ เลื่อนเข้าออกอัตโนมัติ พร้อมปุ่มดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง และคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง
มีระบบเป่าเย็นที่เบาะนั่งและพนักพิงศีรษะคู่หน้า มีช่องแอร์ (Electric Hidden Intelligent Air Ventilation) พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ 2 โซน (Dual-zone Auto A/C) โหมดลมธรรมชาติ (Natural Wind Mode) มีแอร์ด้านหลังพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส (Rear touchscreen A/C Control Panel)

ชุดคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านปรับได้ 4 ฟังก์ชัน มาตรวัดดิจิทัล LCD ขนาด 10.2 นิ้ว หน้าจอสัมผัส infotainment ขนาด 14.6 นิ้ว เอนหาคนขับถึง 15 องศา รองรับ Apple CarPlay ไร้สาย พร้อมสั่งงานด้วยท่าทาง (Gesture Recognition)
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ออนไลน์ (Over The Air, OTA) ลำโพงจาก SONY 14 จุด มีจอแสดงข้อมูลบนแผงคอนโซลหน้า HUD ขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทางแบบ AR พิเศษด้วยหลังคากระจก Sunroof ขนาดใหญ่ 1.9 ตารางเมตร ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สี ที่ชาร์จมือถือไร้สายขนาด 40W

ขุมพลังไฟฟ้าล้วน
ถ่ายทอดเอกลักษณ์การขับขี่และสมรรถนะของรถยนต์มาสด้าไว้ในทุกองค์ประกอบอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็น ปรัชญาการขับขี่แบบ จินบะ-อิไต ที่มอบความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถ ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ (Joy of Driving) ขับเคลื่อนล้อหลังแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Lithium Ternary (NMC)
รุ่น Standard Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 68.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 479 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 564 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จกระแสตรง DC 10-80% กำลังชาร์จสูงสุด 200 kW ได้ในเวลา 22 นาที และชาร์จเร็ว 15 นาที ได้ระยะทางเพิ่มขึ้น 235 กิโลเมตรชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 8 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.6 วินาที
รุ่น Long Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 kWh ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 552 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 649 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จกระแสตรง DC 10-80% กำลังชาร์จสูงสุด 95 kW ได้ในเวลา 45 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 9.30 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.8 วินาที
ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมระบบการจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัลแบบ iBC (iBC Digital Battery Management) ให้ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, COMFORT, SPORT, CUSTOMIZE มาพร้อมรองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้วยด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และหลังอิสระมัลติลิงก์แบบ H-ARM

ความปลอดภัย Intelligent Driver Assistance System
- แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาด้านหน้า Forward Cross Traffic Alert (FCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาด้านหน้า Forward Cross Traffic Brake (FCTB)
- เตือนหากเสี่ยงต่อการโดนชนด้านหลัง Rear Collision Warning (RCW)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Brake (RCTB)
- จดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR)
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนขณะเปิดประตู Door Open Warning (DOW)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)
- เตือนมุมอับสายตา Blind Spot Detection and Warning (BSD)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist (LKA)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน Intelligent Full-speed adaptive cruise control (IACC)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในสถานการณ์ฉุกเฉิน Emergency Lane Keeping (ELK)
- ช่วยจอดอัตโนมัติ Auto Parking Assist (APA)
- ช่วยจอดอัตโนมัติจากระยะไกล Remote Parking Assist (RPA)
พร้อมความปลอดภัยทั้งถุงลมนิรภัย SRS รอบคัน ป้องกันล้อล็อกแยกอิสระ 4 ล้อ 4W-ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA ควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) สัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System) เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าปรับสูง-ตํ่าได้เตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและด้านหลัง
ล็อกเพื่อป้องกันเด็กเปิดประตูจากในรถแบบไฟฟ้าเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน Auto Hold กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาแบบ 3 มิติพร้อมระบบแสดงภาพตัวรถแบบโปร่งแสง บันทึกวิดีโอการขับขี่รอบทิศทาง 360 องศาตรวจจับแรงดันลมยาง (TPMS) เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหน้าและหลังด้านละ 6 จุดสัญญาณป้องกันขโมยจุดยึดเบาะนังสําหรับเด็กแบบ ISOFIX

Mazda 6e ผลิตที่โรงงานของ CHANGAN เมืองหนางจิง ประเทศจีนเป็น 1 ใน 5 รถใหม่ที่จะเปิดตัวช่วงปี 2025-2027 ตามแผนกลยุทธ์ Multi-solution เพื่อสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BEV 2 รุ่น รถ PHEV 1 รุ่น และรถ HEV 2 รุ่น รวม 5 รุ่น
เตรียมเปิดตัวและจองรับสิทธิพิเศษเพื่อเป็นเจ้าของได้ก่อนใคร ที่งาน Motor Expo 2025 วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม










