ก่อนหน้านี้ปอร์เช่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถไฟฟ้าสมรรถนะสูงผ่าน Taycan มาแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ารถ EV ไม่ได้มีดีแค่ความเงียบหรือการประหยัดพลังงาน แต่สามารถขับต่อเนื่องแถมยังแรง และควบคุมพลังงานได้ดีแบบรถสปอร์ต ซึ่งประสบการณ์ทั้งหมดได้ถูกนำมาใช้ในการพัฒนา Cayenne Electric ในปัจจุบัน
Cayenne Electric รถไฟฟ้าจากเทคโนโลยี Formula E
Porsche Cayenne Electric ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ดูไบเมื่อไม่นานมานี้ เป็นอีกก้าวสำคัญของปอร์เช่ในยุครถไฟฟ้าแบบเต็มตัว โดยรถรุ่นนี้เป็น SUV ไฟฟ้าที่ทั้ง แรง และทน รองรับกับทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็น DNA ของ Cayenne ที่แฟน ๆ คุ้นเคย
สิ่งที่ทำให้ Cayenne Electric แตกต่างจาก SUV ไฟฟ้าทั่วไป คือการนำเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากสนามแข่ง Formula E มาในรถแข่ง Porsche 99X Electric ซึ่งคว้าแชมป์โลกทั้งประเภททีมและผู้ผลิต มาใช้เป็นต้นแบบในการออกแบบระบบหลักของรถ
สื่อยานยนต์ต่างประเทศได้อธิบายตรงกันว่า Cayenne Electric ไม่ได้ถูกพัฒนาในฐานะ SUV ไฟฟ้า แต่ถูกมองว่าเป็นการขยายขอบเขตของรถสมรรถนะสูงสู่รูปแบบที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีจากสนามแข่ง สู่ถนนจริง
ปอร์เช่ระบุว่า เทคโนโลยีจาก Formula E ที่นำมาใช้กับ Cayenne Electric ทำให้รถคันนี้แตกต่างจาก EV ทั่วไป
- ระบบชาร์จ CCS
หัวชาร์จและช่องชาร์จของรถแข่ง Porsche 99X Electric และรถสปอร์ตไฟฟ้าของปอร์เช่มีคุณสมบัติพื้นฐานเหมือนกัน โดยใช้มาตรฐาน CCS (Combined Charging System) ซึ่งเป็นระบบเดียวกันทั้งบนถนนจริงและในรายการแข่งขัน Formula E ช่วยให้การถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านพลังงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
- ชาร์จเร็ว ทน และใช้ได้จริง
ปอร์เช่ระบุว่า Cayenne Electric ถูกออกแบบมาให้รองรับการชาร์จไฟ DC กำลังสูงสุดถึง 400 กิโลวัตต์ โดยสามารถเริ่มชาร์จเร็วได้ตั้งแต่อุณหภูมิแบตเตอรี่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส และยังคงรองรับกำลังชาร์จมากกว่า 350 กิโลวัตต์ จนถึงระดับแบตเตอรี่ราว 55%
ในสภาวะที่เหมาะสม การชาร์จจากระดับแบตเตอรี่ 10% ถึง 80% ใช้เวลาน้อยกว่า 16 นาที และภายในเวลาประมาณ 10 นาที สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้มากกว่า 300 กิโลเมตร
สื่อยานยนต์ของยุโรปอย่าง Autocar และ TopGear รายงานในทิศทางเดียวกันว่า แนวคิดการพัฒนารถไฟฟ้าของปอร์เช่ไม่ได้เน้นแค่ตัวเลขของกำลังการชาร์จสูงสุด แต่ให้ความสำคัญกับความเสถียรภาพของการชาร์จในสภาพอุณหภูมิที่หลากหลาย เพื่อให้การชาร์จเร็วสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศร้อนหรือเย็น
- ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำมันโดยตรง (Direct Oil Cooling)
เป็นเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจากรถแข่ง Formula E คือระบบระบายความร้อนด้วยน้ำมันโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากมอเตอร์ไฟฟ้าทั่วไปที่ใช้การหล่อเย็นรอบนอก
ระบบนี้จะส่งของเหลวไปสัมผัสกับจุดที่เกิดความร้อนโดยตรงบริเวณลวดทองแดงในสเตเตอร์ ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้รวดเร็วและแม่นยำกว่า ส่งผลให้มอเตอร์รักษากำลังขับได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องทำงานหนักเป็นเวลานาน
หากต้องการให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ระบบหล่อเย็นด้วยน้ำแบบทั่วไปทำงานได้ในระดับประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน จะต้องเพิ่มขนาดมอเตอร์ขึ้นประมาณ 1.5 เท่า แต่การใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำมันโดยตรงช่วยให้ Cayenne Electric ใช้มอเตอร์ที่มีขนาดกะทัดรัดกว่า แต่ยังคงรักษาประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดได้ถึง 98% ซึ่งรถแข่ง Porsche 99X Electric สามารถทำได้ในระดับที่สูงกว่านั้น
- ระบบกู้คืนพลังงานสูงสุดถึง 600 กิโลวัตต์
Cayenne Electric มาพร้อมระบบกู้คืนพลังงานจากการเบรกที่สามารถดึงพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้สูงสุดถึง 600 กิโลวัตต์ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับรถแข่ง Formula E
ในชีวิตประจำวัน การเบรกกว่า 97% จะเป็นการชะลอความเร็วด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบจะทำงานต่อเนื่องจนรถหยุดสนิท และระบบเบรกแบบเสียดทานที่เพลาหน้าและเพลาหลังจะทำงานเมื่อแรงหน่วงเกินขีดจำกัดของระบบกู้คืนพลังงานเท่านั้น ซึ่งมีการตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติทำให้ผู้ขับขี่ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง เป็นการผสานประสิทธิภาพและความสบายได้อย่างลงตัว

เบื้องหลังของรถใหม่จากประสบการณ์สนามแข่ง
Michael Steiner สมาชิกคณะกรรมการบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาของปอร์เช่ ให้สัมภาษณ์ว่า Formula E คือ ห้องทดลองเคลื่อนที่ สำหรับเทคโนโลยี EV ในอนาคต โดยปอร์เช่สามารถเก็บข้อมูลและประสบการณ์จากสนามแข่ง เพื่อนำมาต่อยอดสู่รถสปอร์ตที่ใช้งานบนท้องถนนจริงได้อย่างรวดเร็ว
Florian Modlinger ผู้อำนวยการโรงงานมอเตอร์สปอร์ต Formula E ของปอร์เช่ อธิบายว่า ในสนามแข่ง ประสิทธิภาพคือเส้นแบ่งระหว่างชัยชนะกับความพ่ายแพ้ แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้กับ Cayenne Electric ซึ่งประสิทธิภาพไม่ใช่แค่ในเรื่องของตัวรถ แต่รวมไปถึงแนวทางการทำงานในสนามแข่งที่คล่องตัว ที่ช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาทำให้การถ่ายทอดเทคโนโลยีได้เร็วขึ้น
ทีมพัฒนามอเตอร์สปอร์ตและทีมผลิตของปอร์เช่ ได้ทำงานร่วมกันที่ศูนย์พัฒนา Weissach มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลตลอดการพัฒนา สิ่งที่ผ่านการพิสูจน์ในสนามแข่ง ถูกนำมาปรับใช้ในการผลิตรถยนต์ และบางครั้งรถแข่งก็มีการเรียนรู้จากรถสายผลิตเช่นกัน
Cayenne Electric จึงเป็นมากกว่ารถไฟฟ้ารุ่นใหม่ของปอร์เช่ ด้วยการยกประสบการณ์จากสนามแข่งระดับโลกมาใช้งานบนถนนจริง เพื่อยกระดับรถไฟฟ้าให้ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะและการใช้งานในชีวิตประจำวันได้พร้อมกัน
ที่มา:bangkokbiznews.com
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่:car2day.com













