More

    BMW 7 Series x i7 เก๋งใหญ่รุ่นใหม่หมด ล้ำหน้าหรูหรามาครบทั้งตระกูล

    ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของค่าย BMW ที่เปิดตัวรถใหม่ทีเดียวพร้อมกันสองรุ่น นั่นคือ BMW 7 Series เจนเนอเรชั่นที่ 7 ในรหัส G70 และ G71

    BMW

    ครั้งนี้นอกจาก BMW 7 Series เจนใหม่ที่มาทั้งเครื่องยนต์สันดาปล้วนแบบ MHEV (Mild Hybrid) และ PHEV (Plug In Hybrid) แล้ว ยังเปิดตัว BMW i7 เก๋งใหญ่ไฟฟ้าล้วน ออกจำหน่าย โดยความหล่อทั้งสองรุ่นไม่แตกต่างกันเริ่มกันที่ กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดอภิมหากระจังหน้าพร้อมไฟเรืองแสงขอบกระจังหน้านับเป็นนวัตกรรรมใหม่ที่โดดเด่นสะดุดตาและหวังว่าสาวกจะชอบใจ กับโลโก้ BMW ที่เด่นสง่า ไฟหน้า Crystal LED ตาสองชั้นแบบเดียวกับรุ่น X7 LCI ที่ปรับโฉมได้ไม่นาน ส่วนบนจะเป็นไฟ LED Daytime พร้อมเส้นแนวนอนคั่นกลางไว้ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED ดีไซน์เพรียวลงกว่าเดิม แถมออกแบบชุดกันชนหน้าให้เป็นหนึ่งเดียวกับอย่างลงตัว ด้านข้างพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย ที่เปิดประตูแบบซ่อนรูปเนียนกับตัวถัง กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวกรอบกระจกสีเงินอันเงางาม ล้ออัลลอยเลือกได้หลากหลายขนาดตั้งแต่ 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/50R19 กับขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางหน้า 255/45R20 และยางหลัง 285/40R20 และยังมีขนาด 21 กับ 22 นิ้วให้เลือก

    BMW

    ด้านท้ายครั้งแรกกับการออกแบบที่ต่างจากรุ่น 7 Series ด้วยไฟท้าย LED ที่เพรียวลงพอๆกับด้านหน้าและกันชนหลังที่ลงตัวและย้ายชุดป้ายทะเบียนมาไว้ในชุดกันชนหลังเป็นครั้งแรก และการตกแต่งที่แตกต่างกันอย่างรุ่น M จะเน้นไปทางความเข้ม พร้อมท่อไอเสียคู่สองฝั่งตกแต่งลงตัวด้วยลิ้นสปอยเลอร์หลัง ส่วนรุ่น i7 เน้นสีฟ้าตั้งแต่ขอบโลโก้ BMW คิ้วช่องระบายอากาศในชุดกันชนหน้า คิ้วชายล่างตรงล้อหน้า และ คิ้วกันชนหลัง เป็นต้น ตัวรถใหญ่กว่าเดิมด้วยความยาว 5,391 มม. ความกว้าง 1,950 มม. ความสูง 1,544 มม. ฐานล้อ 3,215 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 136 มม. น้ำหนักรถในรุ่น i7 2,640 กก. ส่วนน้ำหนักรถรุ่น 7 Series จะอยู่ที่  2,075 2,090 2,270 กก. และความจุถังน้ำมัน 74 ลิตร ในรุ่น 7 Series

    BMW

    ภายในมากับจอสัมผัสที่เรียกว่า อภิมหาจอสัมผัสก็ว่าได้เพราะเขาใจดีให้มาตั้ง 31 นิ้ว แบบ BMW Theater Screen แต่ติดตั้งที่ห้องโดยสารด้านหลังแบบลอยตัวติดบนหลังคา การแสดงผลแบบพาโนรามา 32:9 ความละเอียดแบบ 8K พร้อมจอใหญ่ที่แผงคอนโซลหน้าขนาด 56 นิ้วเต็มแผงแบบ Hyperscreen ส่วนประกอบอื่นๆนั้นทั้ง  จอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display ที่รวมทั้งจอมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัส 14.9 นิ้ว มาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบลอยตัว มาพร้อมระบบ iDrive 8 เวอร์ขั่นล่าสุด แถมมีผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant มาให้ด้วย และการตกแต่งภายในใหม่ทั้งแถบไฟบนแผงคอนโซลหน้ากับแผงประตู Ambient Light พร้อมปุ่มควบคุมแบบจอสัมผัสด้านหลังติดแผงประตู 5.5 นิ้ว พร้อมหลังคารถแบบ Sky Lounge panoramic ไฟ LED ส่องสว่างในห้องโดยสาร เด็ดสุดก็คือลำโพงขั้นเทพ Bowers & Wilkins ระดับขั้นสูง Diamond Sound 4D ให้รอบคันถึง 36 จุด กำลังขับ 1,965 วัตต์ ซึ่งเป็นออพชั่นเสริมแต่ออพชั่นมาตรฐานให้ 18 จุด กำลังขับ 655 วัตต์ จอแสดงข้อมูลบนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิถึง 4 โซน และเบาะหนังคุณภาพ Merino

    BMW

    ขุมพลังเลือกได้ตามความชอบเริ่มกันที่ BMW 7 Series มาพร้อมพลัง TwinPower Turbo MHEV (Mild Hybrid) 6 สูบแถวเรียง เริ่มต้นที่รุ่น 735Li กับพลังเบนซินเทอร์โบ 3.0 ลิตร 272 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,500 รอบ/นาที จับคู่กับระบบ MHEV กำลังไฟจากมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ ช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกถึง 18 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร รวมกัน 286 แรงม้า แรงบิด 425 นิวตันแมตร ความเร็วสูงสุด 250 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.7 วินาที

    รุ่น 740Li พลังเบนซินเทอร์โบ 3.0 ลิตร รหัส B58B30M1 380 แรงม้าที่ 5,200-6,250 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 1,850-5,000 รอบ/นาที จับคู่กับระบบ MHEV กำลังไฟจากมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ ช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกถึง 18 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร รวมกัน 380 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันแมตร ความเร็วสูงสุด 250 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.4 วินาที

    ใหญ่สุดกับเบนซินเทอร์โบ V8 ในรุ่น 760Li xDrive 4.4 ลิตร S68 544 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 750 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,000 รอบ/นาที จับคู่กับระบบ MHEV กำลังไฟจากมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ ช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกถึง 18 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร รวมกัน 750 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันแมตร ความเร็วสูงสุด 250 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.2 วินาที

    BMW

    ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบมาในแบบ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง รหัส B57D30T1 286 แรงม้าที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที พร้อมพลัง MHEV ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟขนาด 48 โวลต์ ช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกถึง 18 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร รวมกัน 300 แรงม้า แรงบิด 670 นิวตันแมตร ความเร็วสูงสุด 250 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.3 วินาที

    BMWBMW

    ทางด้านขุมพลังเบนซินเทอร์โบ PHEV ก็มีเช่นกันในรุ่น 750Le xDrive  3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง 310 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 1,750 -4,700 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 200 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร  เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 490 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร โดยใช้โหมดไฟฟ้าวิ่งไกลสุด 140 กม. ส่วนแบตวิ่งไกลสุด 80-89 กม. (WLTP) ความเร็วสูงสุด 250 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.9 วินาที รุ่น 760Le xDrive 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง 380 แรงม้าที่ 5,200-6,250 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 1,850 -5,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 200 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 571 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร โดยใช้โหมดไฟฟ้าวิ่งไกลสุด 140 กม. ส่วนแบตวิ่งไกลสุด 80-84 กม. (WLTP) ความเร็วสูงสุด 250 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.3 วินาที โดยทั้งรุ่น 750Le xDrive และ 760Le xDrive จะเริ่มขายจริงช่วงต้นปี 2023 โดยทุกขนาดเครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive

    BMWBMW

    และไฮไลต์เด็ดอยู่ที่รุ่น i7 ขับเคลื่อนพลังไฟฟ้าล้วน eDrive ด้วยความจุแบตเตอรี่ 101.7 kWh ให้กำลังมากถึง 544 แรงม้าที่ 5,000-12,000 รอบ/นาที แรงบิด 745 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ วิ่งไกลสุด 590-625 กม. (WLTP) ความเร็วสูงสุด 240 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.7 วินาที การชาร์จเริ่มที่ชาร์จช้าแบบ Wallbox (AC 3 เฟส 11 kW) จาก 10-100% ใช้เวลาน้อยกว่า 9.5 ชม. และชาร์จเร็ว DC 195 kW จาก 10-80% ใช้เวลา 34 นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Two-Stage Single Speed ในรุ่น i7 xDrive60 และอาจเสริมรุ่น i7 M70 xDrive ที่ให้พลังโหดมากกว่า 600 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. น้อยกว่า 4 วินาที มาด้วย

    BMW

    พร้อมช่วงล่างแบบถุงลมแบบ Four-Corner ปรับระดับอัตโนมัติ และโช้คอัพไฟฟ้า พร้อมเลี้ยวสี่ล้อที่ล้อหลังมีระบบช่วยบังคับเลี้ยวล้อ Integral adaptive steering ช่วยหักเลี้ยวล้อหลังในอัตราสูงสุด 3.5 องศา พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Driving Assistant กับให้เลือกในส่วนระบบ Driving Assistant Professional พร้อมช่วยชับอัตโนมัติระดับที่ 2 ที่ควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน และยังเปลี่ยนเลนเองได้และยังพัฒนาระบบช่วยจอดอัตโนมัติ แถมยังจอดรถผ่านมือถือได้ด้วยระบบ Remote Smartphone Parking ฯลฯ

    BMW BMW

    เบื่องต้นทั้ง BMW 7 Series เจนใหม่ และ BMW i7 พร้อมขายตั้งแต่ปลายปี 2022 หรือปี 2023 ซึ่งเมืองไทยคงได้พบกันช่วงปี 2023

    ที่มา BMW Press

    .

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts