พึ่งจะปรับลุคส์ใหม่ขายทั้งยุโรปและสหรัฐฯไปได้ไม่นานสำหรับ Nissan LEAF MY2022 เก๋งไฟฟ้าที่ยังคับแก้วในเรื่องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ล่าสุดญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สามเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ที่ปรับในส่วนหน้าตาบนเรือนร่างเดิมเหมือนสเปคยุโรปและสหรัฐฯ เน้นความสปอร์ตตั้งแต่กระจังหน้า V-Motion สีดำเข้มพร้อมโลโก้ Nissan ใหม่ แทนแบบเดิมที่เป็นโครเมี่ยม ล้ออัลลอยลายใหม่สีเข้มขอบเงินห้าก้านขนาดใหญ่ทั้งขนาด16 นิ้ว พร้อมยาง 205/55R16 และขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50R17 ด้านท้ายออกแบบใหม่พร้อมโลโก้ Nissan ใหม่ และออพชั่นเดิมทั้ง ไฟหน้า Projector คู่ทรงบูมเมอแรงแต่เรียวขึ้นและไฟท้ายขาวแดงทรงเข้ม พร้อมสีใหม่ สีขาวมุก Pure White Pearl ที่ไล่ความขาวอย่างสมดุลและสีดำ Midnight Black รวมถึงสี Opera Move และ Super Black ส่วน Nissan LEAF Nismo ดีไซน์กันชนหน้าใหม่ดุดันพร้อมลิ้นสปอยเลอร์สีดำขลิบแดง คิ้วชายล่างใหม่สีดำขลิบแดง กันชนหลังใหม่สีดำขลิบแดงออกแบบใหม่ และล้อลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225 / 45R18
ภายในมาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว พร้อม Nissan Connect ระบบความบันเทิง เชื่อมต่อ WIFI รองรับ Android Auto และ Apple Car Play พร้อมระบบนำทาง Door-to-door navigation สามารถอัพเดตแผนที่แบบอัตโนมัติ หรือ OTA (Over The Air) พร้อมเชื่อมต่อ WIFI แบบ docomo In Car Connect มาตรวัดวามเร็วรถแบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เสริมฟีเจอร์หลัก ๆ เช่น เทคโนโลยี Safety Shield มาตรวัดพลังงาน ฟังก์ชั่นเสียง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านทรงท้ายตัด สบายด้วยด้านท้ายมีพื้นที่สัมภาระมากถึง 435 ลิตร เอาใจคนชอบขนของ ส่วนรุ่น Autech ตกแต่งภายในใหม่ด้วยโทนดำ ช่องแอร์สีเงิน พร้อมวัสดุกึ่งหนังแท้คุณภาพสูงสีดำเดินด้ายสีน้ำเงิน ทั้งตัวเบาะ พวงมาลัย และหนังสัมผัสที่แผงประตู และทุกรุ่นติดตั้งกระจกมองหลังอัจฉริยะพัฒนาใหม่ปรับมุมมองการมองเห็นกว้างกว่าเดิม
ขุมพลังไฟฟ้ายังคงเดิมกับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส EM57 ที่มีสองความแรงตั้งแต่ ความจุแบตเตอรี่ Li-ion battery 40 kWh 150 แรงม้า ที่ 3,283-9,795 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 0-3,283 รอบ/นาที สามารถวิ่งไกลสุด 400 กม./ การชาร์จ 1 ครั้ง (JC08) และ 322 กม. (WLTC) และแรงสุดกับขุมพลังไฟฟ้าที่มีความจุแบตเตอรี่ Li-ion battery ขนาด 60 kWh 218 แรงม้าที่ 4,600-5,800 รอบ/นาที แรงบิด 340 นิวตันเมตรที่ 500-4,000 รอบ/นาที สามารถวิ่งไกลสุด 550 กม./ การชาร์จ 1 ครั้ง (JC08) และ 450 กม. (WLTC) และเพิ่มกำลังในการชาร์จมากถึง 100 kW ในรุ่น 60kWh จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ
ยังชาร์จได้ตามใจชอบตั้งแต่ชาร์จปกติแบบ 8 ชั่วโมง (6 kW) กับชาร์จแบบ 16 ชั่วโมง (3kW) เอาใจคนชอบรวดเร็วด้วยการชาร์จด่วน แบบ 40 นาที หรือ Quick Charging ชาร์จเร็วจะใช้เวลาน้อยกว่าเดิม พร้อม ProPILOT หรือช่วยขับอัตโนมัติ ช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของตัวรถ เบรก และอัตราเร่ง ไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงควบคุมพวงมาลัย ควบคุมการเร่ง เบรก การเปลี่ยนเกียร์ และเบรกมือ เพื่อให้ตัวรถเข้าสู่ช่องจอดได้โดยอัตโนมัติหรือ ProPILOT Park กับเอกลักษณ์ที่ยังไม่ลืมกับ e-Pedal ที่รวมแป้นคันเร่ง และเบรกไว้ในแป้นเดียวเท่านั้น โดยเมื่อจะเบรกรถก็แค่เบรกให้อัตโนมัติ
Nissan LEAF MY2022 พร้อมขายญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนมิถุนายน นี้ หรือช่วงฤดูร้อน ในราคาเริ่มต้น 3,709,200-4,805,900 yen หรือราว 982,000-1,273,000 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย)
ที่มา Carwatch