ทำตลาดมาห้าปีสำหรับ MG ZS สมาร์ทเอสยูวีเหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคนปรับความสมาร์ทให้ดูดีจนมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับต้นๆของค่าย
ล่าสุดเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่หรือ MY2022 สำหรับ MG ZS ในร่างปรับโฉมครั้งแรกงานนี้มีการจัดเกรดรุ่นย่อยใหม่แต่ยังชูจุดเด่นเรื่องความคุ้มค่าที่เข้าถึงได้ง่ายด้วยดีไซน์ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน มั่นใจ ในความปลอดภัยและความสะดวกสบายในทุกการขับขี่โดยแบ่งเป็นรุ่น C+, D, X และรุ่น V เพื่อสานต่อความสำเร็จยอดขายสะสมกว่า 56,000 คันโดยแบ่งรายการของแต่ละรุ่นย่อยดังนี้เริ่มที่
MG ZS MY2022 รุ่น C+ รุ่นเริ่มต้นทุกออปชันคงเดิมด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) ไฟท้ายแบบ LED และไฟตัดหมอกด้านหลัง ติดตั้งสปอยเลอร์หลัง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 215/60 R16 ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยเบาะแบบสปอร์ตสีดำ และการใช้วัสดุ SOFT TOUCH ในการตกแต่ง พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่นและหน้าจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รองรับระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมเบาะคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ด้วยระบบกรองอากาศและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 มาพร้อมระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key พร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start และความจุภายในพื้นที่ด้านหลัง 359 ลิตร แต่เมื่อพับเบาะ 60:40 มากถึง 1,187 ลิตรและถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า
มากันที่รุ่น D นำพื้นฐานรุ่น D+ เดิมมาและมีการตัดออปชันออกไปบางรายการเพื่อทำราคาถูกลงเช่น ตัด i-SMART ตัดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control) ตัดระบบจำกัดความเร็ว (Active speed limit) และตัดไฟตัดหมอกหน้า (Front fog lamp) พร้อมออปชันเดิมจากรุ่น D+ ตั้งแต่ห้องโดยสารภายในที่ตกแต่งสไตล์ทูโทนด้วยสีน้ำตาลและสีดำ พรีเมียมยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังสังเคราะห์สุดหรู พร้อมหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ ขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) ลำโพง 6 ตำแหน่งช่องเชื่อมต่อ USB 5 ตำแหน่ง กล้องมองหลัง ถุงลมนิรภัย 4 จุดรวมคู่หน้าด้านข้าง ราวหลังคา และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
รุ่น X นำพื้นฐานรุ่น X+ เดิมมาจำหน่ายและมีการตัดออปชันบางรายการออกไปเช่น ตัด i-SMART และตัดม่านนิรภัยออกเหลือแค่ถุงลมนิรภัย 4 จุด เปลี่ยนดีไซน์ไฟส่องแผนที่พร้อมสวิตช์เปิด-ปิดหลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบกดแบบเดียวกับรุ่น MG VS HEV พร้อมออปชันเดิมจากรุ่น X+ เพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ด้วยไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ล้ออัลลอยดีไซน์ 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R17 สะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่ยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control และระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit)
ปิดท้ายด้วยรุ่นท็อปสุด V ใหม่ ยกออปชันทั้งหมดของรุ่น X+ เดิม โดยเปลี่ยนดีไซน์ไฟส่องแผนที่พร้อมสวิตช์เปิด-ปิดหลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบกดแบบเดียวกับรุ่น MG VS HEV และมีระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถสื่อสารกันได้ เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งสั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทยหรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนเชื่อมต่อโลกออนไลน์อย่างชาญฉลาดสามารถเลือกฟังเพลงได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และสตรีมมิ่ง ระบบค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real Time รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ตรวจสอบสถานะรถยนต์และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการล็อคหรือปลดล็อคประตูรถ ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car ช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ นอกนั้นเหมือนรุ่น X ทุกประการ
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รหัส 15S4C VTi–TECH ให้กำลัง 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาทที แรงบิด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่แบบ CVT 8 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการปรับน้ำหนักของพวงมาลัยถึง 3 โหมด คือ โหมด City โหมด Standard และโหมด Sport ช่วงล่าง EURO TUNING SUSPENSION ประกอบด้วยด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม ระบบดิสก์เบรกสี่ล้อ
ระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM รวม 12 ฟังก์ชันทั้ง ABS – Anti-lock Braking System ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน, EBD – Electronic Brake Force Distribution ช่วยกระจายแรงเบรก, EBA- Electronic Brake Assist เสริมแรงเบรก, TCS – Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล, CBC – Curve Brake Control ควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง, SCS – Stability Control System ควบคุมการทรงตัว, HAS – Hill Start Assist System ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน, TPMS – Tire Pressure Monitor System ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (เฉพาะรุ่น V), Emergency Stop Signal สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน, HDC- Hill Descent Control System ควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน, ASL – Active Speed Limit จำกัดความเร็ว (เฉพาะรุ่น X และรุ่น V) และ AVH – Auto Vehicle Hold ป้องกันการไหลของรถ
พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) Follow Me Home Light ไฟส่องสว่างนำทางหลังจากเครื่องยนต์ จุดยึดเบาะที่นั่งเด็ก ISOFIX กุญแจนิรภัย Immobilizer และสัญญาณกันขโมย สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง เบรกมือไฟฟ้า EPB กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Around View Monitor (เฉพาะรุ่น X กับรุ่น V) และสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
MG ZS MY2022 กับ 4 มาพร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Arctic White, สีแดง Scarlet Red, สีเงิน Silver Metallic และ สีดำ Black Knight โดยมีราคาจำหน่ายของแต่ละรุ่นย่อย ดังนี้
- MG ZS (MY2022) รุ่น V 799,000 บาท
- MG ZS (MY2022) รุ่น X 759,000 บาท (ลดลงจากเดิม 30,000 บาท จากรุ่น X+)
- MG ZS (MY2022) รุ่น D 719,000 บาท (ลดลงจากเดิม 20,000 บาท จากรุ่น D+)
- MG ZS (MY2022) รุ่น C+ 689,000 บาท
*(สำหรับรุ่น C+ จำหน่าย สีตัวถังทั้ง Arctic White และ Black Knight เท่านั้น)