More

    Audi Urbansphere ต้นแบบเอ็มพีวีไฟฟ้าวิ่งไกลสุด 750 กม. จากเยอรมนี

    Audi ค่ายรถยนต์หรูจากเยอรมนี พร้อมสู้ทุกทิศกับตลาดรถไฟฟ้าทั้งแบบขายจริงและต้นแบบที่จะกลายตัวขายจริงในอนาคตด้วยตระกูล Sphere

    Audi

    Audi

    รถยนต์ไฟฟ้าลำดับที่ 3 ตระกูล “Sphere” ที่เปิดตัวไปล่าสุดต่อจาก Audi Skysphere และ Audi Grandsphere concept มาในร่างเอ็มพีวีต้นแบบในชื่อ Audi Urbansphere ที่สะท้อนความก้าวหน้าของวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของอาวดี้ ที่ต้องการผสานเรื่องความยั่งยืน การพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยออกแบบร่วมกันทั้งทีมนักออกแบบและวิศวกรของ Audi Design Studio ในปักกิ่งและสำนักงานใหญ่ Ingolstadt ที่ประเทศเยอรมัน จะได้มาทำงานร่วมกันแล้ว ยังมีการเชิญลูกค้าในกรุงปักกิ่งเข้ามามีส่วนร่วมบอกเล่าประสบการณ์และความต้องการ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชีวิตยุคใหม่ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ได้อย่างแท้จริงมีขนาดใหญ่และกว้างขวางเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีความอิสระมากที่สุด รองรับความรู้สึกอยากมีพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายทั้งกายและใจ โดยขนาดตัวถังยาวถึง 5,510 มม.ความกว้าง 2,010 มม. ความสูง 1,780 มม. และความยาวฐานล้อ 3,400 มม.

    Audi

    ภายในออกแบบพรีเมียม หรูหรา และทันสมัยสุดๆ พร้อมเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีโลกดิจิตัล สามารถใช้เป็นห้องทำงานเคลื่อนที่อัจฉริยะที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไฮเทคแบบครบครัน โดดเด่นด้วยประตูเปิดแบบกว้าง เบาะนั่งแบบแยกอิสระ 4 ที่นั่ง พื้นที่ภายในห้องโดยสารแบบเลานจ์ระดับเฟิร์สคลาสสัมผัสได้ถึงเรียบหรู โปร่งสบายตา เปรียบเสมือน third living space ที่ให้ความสะดวกสบายกับทุกช่วงเวลาเดินทาง ให้ความเงียบสงบแม้ในชั่วโมงเร่งด่วน มาพร้อมพื้นที่ส่วนตัวมีความกว้างขวาง หรูหรา ทรงพลังด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 120 กิโลวัตต่อชั่วโมง (kWh) สามารถวิ่งไกลได้ถึง 750 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 800 โวลต์ ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วถึง 270 กิโลวัตต์ ภายในเวลาเพียง 10 นาที สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 300 กิโลเมตร และใช้ระยะเวลาชาร์จพลังงานจาก 5% – 80% น้อยกว่า 25 นาที

    Audi

    ซึ่ง Audi Urbansphere ในเวอร์ชั่นขายจริงจะออกมาในช่วงไหนต้องติดตามและเอ็มพีวีต้นแบบรุ่นที่สามนั้นเผยมาแล้วยังมีอีกสองรุ่นที่เผยมาก่อนตั้งแต่ปีกลาย ทั้ง  Audi Skysphere  รุ่นบุกเบิกของตระกูล Sphere ในร่างโรดสเตอร์ไฟฟ้า 2 ที่นั่ง ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Horch 853 ในยุค 1930 ดีไซน์หรูล้ำสมัย จุดเด่นอยู่ที่ฐานล้อ ซึ่งสามารถยืดเข้าออกได้สูงสุด 250 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถปรับช่วงล่างขึ้น-ลงได้สูงสุด 10 มิลลิเมตร เพื่อเลือกระหว่างความสบายในการโดยสารหรือเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ มาพร้อมกับฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติ “Experience Devices” มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด632 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 4 วินาที แบตเตอรี่ความจุ 80 กิโลวัตต์  วิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

    Audi

    Audi Grandsphere รุ่นที่สองที่มาในมาด Luxury Premium Sedan อย่าง A8 ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 ประตู ทรงยาวเป็นพิเศษ ดีไซน์สุดล้ำ สวยหรู โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Singleframe อันเป็นเอกลักษณ์ของอาวดี้ มาพร้อมความสะดวกสบายและครบครันด้วยฟังก์ชัน เริ่มตั้งแต่คอนโซลไร้ปุ่มกด มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่แสดงผลผ่านหน้าจอ MMI รับคำสั่งด้วยการวาดมือในอากาศหรือการขยับตัว พร้อมระบบกล้องที่คอยตรวจสอบสายตาและการเคลื่อนไหว

    Audi

    รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า ทั้ง 3 รุ่น ของตระกูล “Sphere” มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 (High Autonomation 4* SAE หรือ Society of Automotive Engineers) สามารถขับเคลื่อนเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พวงมาลัยและแป้นเหยียบจะถูกพับเก็บและซ่อนไว้ในจุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ โดยระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 4 จะทำหน้าที่ตรวจสอบการจราจรและพาผู้โดยสารไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย นี่คือก้าวต่อไปของอาวดี้ ที่จะแสดงให้เห็นว่า นับจากนี้โลกแห่งการเคลื่อนที่ และประสบการณ์การขับขี่ในอนาคตอันใกล้นี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    ตระกูล Sphere ทั้งสามรุ่นมีความพิเศษเฉพาะตัวจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าพรีเมียม Premium Platform Electric (PPE) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำถูกออกแบบมาเพื่อดึงศักยภาพของรถไฟฟ้า 100% รองรับรถรุ่นที่มีสมรรถนะการขับขี่สูง โดยมีการออกแบบให้ได้ประโยชน์ใช้สอย สามารถจัดการพื้นที่และติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ระหว่างเพลาล้อหน้า-หลังในตำแหน่งที่ต่ำ ทำให้วางแบตเตอรี่ความจุสูงได้อย่างเหมาะสม

    Audi

    Audi A6 Avant e-tron อีก Concept model ที่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ใช้แพลตฟอร์ม PPE เช่นเดียวกับรถในตระกูล Sphere ออกแบบให้มีสัดส่วนที่สง่างาม ลุคปราดเปรียว ดังคำบอกเล่าของ Oliver Hoffmann สมาชิกคณะกรรมการฝ่ายพัฒนาด้านเทคนิคของอาวดี้ “ด้วยแนวคิด Audi A6 Avant e-tron เรากำลังนำเสนอรูปลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับรุ่นการผลิตในอนาคตบนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี PPE ใหม่ของเรา ซึ่งเราไม่เพียงแต่กระตุ้นประวัติศาสตร์ 45 ปี ของ Avant ที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือการสร้างรถไฟฟ้า 100% ในตระกูล Avant ที่แฟนอาวดี้หลงรัก ทั้ง Design ที่โดดเด่น และประสิทธิภาพอันทรงพลัง 800 โวลต์ ชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 270 กิโลวัตต์ (fast charge) และสามารถวิ่งได้สูงสุด 700 กิโลเมตร”  ตามมาตรฐาน WLTP

    Audi

    สำหรับประเทศไทย สอดคล้องกับนโยบาย “Future is Electric” ของ Audi AG ในช่วงระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา  อาวดี้ ประเทศไทย รุกตลาดรถไฟฟ้าพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เข้ามาจำหน่ายแล้ว 5 รุ่น รวมถึง Supercar พลังงานไฟฟ้า 100% RS Audi e-tron GT ซึ่ง เปิดเกมส์รุกชิงเปิดตัวเป็นประเทศแรกในเอเชีย และเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกของโลกที่ได้นำรถเข้ามาเปิดตัวก่อนใคร ถือเป็นก้าวสำคัญกับการทำตลาดในฐานะผู้นำรถไฟฟ้า 100% ในเซกเมนต์รถหรู   ขณะที่ในเซกเมนต์ SUV นั้น Audi e-tron 55 quattro และ e-tron Sportback 55 quattro S line ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำในประเทศเพื่อใช้เป็นรถประจำตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งในฐานะผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพรีเมียม ที่นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นรายแรก โดยส่งมอบรถให้ลูกค้าไปมากกว่า 150 ราย แล้ว อาวดี้ ประเทศไทย มีแผนที่จะทยอยนำรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เข้ามาเปิดตัวอีกในเร็วๆ นี้ อย่างแน่นอน

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts