ขับรถอยู่ดีๆ ดันมีกลิ่นอะไรแปลกๆ มาเตะจมูก สงสัยกันมั้ยคะ ทั้งที่กระจกรถก็ปิดทั้งหมด ตั้งระบบปรับอากาศภายในรถ แต่ก็ยังคงได้กลิ่น วันนี้เรานำความรู้เกี่ยวกับกลิ่นแปลกๆ ภายในรถที่คุณห้ามละลายเด็ดขาด!! เพราะอาจจะส่งผลอันตรายกับตัวคุณและรถของคุณได้ หากฝืนขับต่อไป มาดูกันว่ามีกลิ่นอะไรบ้างที่อาจจะเป็นกลิ่นที่ผิดปกติส่งผลอันตรายกับรถของคุณ
- กลิ่นยางไหม้ อันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยกับรถยนต์หลายๆ คันที่ชอบขับลากเกียร์หรือขึ้นเขาบ่อยๆ ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่เรื่องปกตินะคะ เพราะเป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าสายพาน ท่อยาง หรือล้อยางรถ มีปัญหาส่งผลให้เกิดอันตรายได้ หากฝืนใช้ต่อไป หากคุณกลับจากทริปแล้วให้รีบเข้าศูนย์บริการเช็กด่วน
- กลิ่นน้ำมัน หากเข้าปั้มเติมน้ำมันก็อาจจะต้องได้กลิ่นกันบ่อยๆ หลายคนก็อาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าหากเติมเสร็จแล้ว ขับออกมาก็นานแล้ว แต่กลิ่นยังไม่หายไป ต้องเช็กโดยด่วน เพราะอาจจะมีการรั่วซึมตามส่วนต่างๆ เช่น หัวฉีด สายน้ำมัน รวมไปถึงถังน้ำมัน อันนี้อันตรายมาก
- กลิ่นพรมไหม้หรือมีกลิ่นผ้าไหม้ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ผ้าเบรก-ระบบเบรกมีปัญหา สาเหตุก็อาจจะเป็นไปได้หลายอย่างเช่น ผ้าเบรกหมดอายุการใช้งาน หรือลืมปลดล็อกเบรกมือ อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไรนะคะ เพราะถ้าหากฝืนใช้ไป อาจจะทำให้รถของคุณเบรกไม่อยู่ ควบคุมเบรกไม่ได้ อันตรายต้องรีบเปลี่ยนผ้าเบรกและเช็กระบบเบรกทั้งหมดโดยด่วน
- กลิ่นเน่า ลักษณะเหมือนกลิ่นแก๊ส อาจจะเป็นไปได้ว่าระบบฟอกไอเสีย (Catalytic converter) ทำงานหนักเกินไปหรือเกิดการรั่วซึม หรืออาจจะมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาอยู่ในระบบฟอกอากาศ ให้รีบเข้าศูนย์บริการตรวจสอบให้ดี
- กลิ่นหวาน ไม่ใช่กลิ่นขนมหรือกลิ่นดีอะไรเลยนะคะ เพราะนั่นหมายถึงว่าระบบหล่อความเย็นมีปัญหา อาจเกิดจากการชำรุดหรือรั่วซึมในส่วนของถังพักน้ำมันหล่อเย็น
- กลิ่นเหม็นไหม้ของน้ำมัน เกิดจากการที่เครื่องยนต์ทำงานหนักมากเกินไป หน้าปัดวัดความชำรุดหรือน้ำมันเครื่องรั่วออกจากระบบท่อไอเสีย
ทั้งหมดนี้คือกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่หลายคนอาจจะไม่อยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะว่านั่นหมายถึงรถพังค่ะ ทางที่ดีหากได้กลิ่นนี้ในช่วงระยะนึงให้รีบเข้าศูนย์บริการตรวจเช็กอย่างด่วน เพราะรถของคุณอาจจะพังได้
